ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ตอนที่ 17

พวกลีนวัตรและชาวบ้านใช้เวลาหลายวันในการลงแขกเกี่ยวข้าวกว่า จะมาถึงคิวสุดท้ายคือนาของมาลินี แต่ทุกคนก็ยังทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ พินเองก็ทำอาหารสุดฝีมือเลี้ยงทุกคน ขณะที่ทองใบยังคงป้วนเปี้ยนจะขอคืนดีกับพินให้ได้ แต่พินก็ไม่ใจอ่อน ทั้งด่าทั้งแช่งจนทองใบอับอายต้องเดินหนีออกไป
ขณะทุกคนพักกินข้าวกลาง วัน ปทุมก็เสนอหน้าเข้ามาพร้อมถุงเป็ดพะโล้ เข้ามานั่งแทรกระหว่างลีนวัตรกับมาลินี อวดตัวว่าเป็นแฟนลีนวัตร ซื้อของดีราคาแพงมาให้แฟนกิน มาลินีไม่ชอบใจแต่เก็บอาการ ลุกหนีไปอีกมุม ลีนวัตรมองออกจึงผละจากปทุมไปอีกคน ปทุมมองตามตาขวาง แล้วก็แทบคลั่ง เมื่อหันกลับมาเห็นเป็ดพะโล้เสร็จไอ้ปื๊ดเสียแล้ว
ผู้ใหญ่โหมดมากับปทุม ด้วย แต่แยกไปหาทองใบที่นั่งคอตกอยู่มุมหนึ่ง ทองใบเห็นเจ้าหนี้เข้าก็ยิ่งหน้าซีด รีบยกมือไหว้พินอบพิเทา "สวัสดีจ้ะ ผู้ใหญ่โหมด"
"เออ...เอ็งหลบหน้าหลบตาข้ามาเป็นเดือนแล้ว ดอกก็ไม่ส่ง ต้นก็ไม่คืน จะเอายังไงวะ"
ทอง ใบขอเวลาอีกนิดหนึ่ง รับรองไม่เบี้ยวผู้ใหญ่แน่ ผู้ใหญ่โหมดจึงยื่นคำขาดว่า ถ้าอาทิตย์หน้าไม่มีให้ก็จะยึดนา ทองใบโอดโอยขอความเห็นใจ ถ้ายึดนาแล้วตนจะเอาอะไรทำกิน
"เรื่องของเอ็ง"
"ฉันกราบละจ้ะ นึกซะว่าทำบุญทำทานลูกนกลูกกาตาดำๆ ผู้ใหญ่จะใช้งานฉันทำอะไร พอขัดหนี้ได้บ้างก็บอกแล้วเถอะจ้ะ อย่าเพิ่งยึดนาฉันเลย"
"ถุย หน้าอย่างเอ็งจะทำอะไรให้ข้าได้วะ"
"โธ่...ผู้ใหญ่ อย่าเพิ่งดูถูกกันสิ งานอะไรก็ได้ฉันพร้อมจะมอบกายถวายชีวิตให้ผู้ใหญ่นะจ๊ะ"
"มอบกายถวายชีวิตเลยเหรอวะไอ้ทองใบ"
ทองใบพยักหน้าหงึกหงัก ประจบประแจงสุดฤทธิ์ ผู้ใหญ่โหมดยิ้มกริ่มมีแผน
ooooooo
หลัง เสร็จสิ้นการเกี่ยวข้าว อยู่ดีๆลีนวัตรก็ไม่สบาย กินข้าวกินปลาไม่ค่อยลงจนแม่ปุยบ่นเป็นห่วง แต่แม่ปุยหารู้ไม่ว่ามันเป็นแผนบางอย่างของลีนวัตร ซึ่งงานนี้ปื๊ดก็สมรู้ร่วมคิดด้วย...เมื่อปื๊ดไปส่งข่าวมาลินีว่าพ่อของตน ไม่สบาย นอนซมหน้าซีด ข้าวปลาไม่ยอมกิน ตาลอยมองแต่จิ้งจกบนฝาบ้าน มาลินีอดตกใจไม่ได้
"ตายจริง แล้วไปหาหมอรึยัง"
"พ่อไม่ยอมไปจ้ะ ปื๊ดได้ยินพ่อบ่นๆคนเดียวว่าอยากตาย"
"อะไรกัน เป็นอะไรนักหนาถึงได้บ่นอย่างนั้น"
"พ่อคงทรมานมากน่ะจ้ะแม่มา"
"ฉันจะช่วยอะไรได้บ้างเนี่ย"
"แค่แม่มาโผล่ไปให้พ่อแกเห็นหน้า เอ๊ย แค่แม่มาไปเยี่ยมหน่อย พ่อแกก็คงจะดีขึ้นเองล่ะจ้ะ"
และ แล้วมาลินีก็ตามปื๊ดมาถึงบ้านด้วยอาการร้อนอกร้อนใจ เห็นลีนวัตรนอนหมดอาลัยตายอยาก มือก่ายหน้าผากราวกับคนทุกข์หนัก เธอสงสัยว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ ปื๊ดบอกว่าเป็นหลายอย่างจนน่าเป็นห่วง ลีนวัตรยอมรับว่าเป็นหลายอย่าง แต่อาการมันหลบอยู่ในหัวใจ และหมอคนไหนก็รักษาไม่หาย โรคนี้มีหมอผู้หญิงรักษาได้อยู่คนเดียว
ลี นวัตรพูดอ้อมค้อมอยู่นานจนได้เรื่อง เพราะมาลินีเกิดเข้าใจผิดคิดว่าหมอผู้หญิงที่ลีนวัตรพูดถึงคือปทุม เธอจึงลุกพรวดบอกลา และว่าจะไปตามหมอปทุมมาให้ ลีนวัตรถึงกับลนลานร้องเรียก แต่มาลินีงอนตุ๊บป่อง เดินลิ่วไปไม่ฟังเสียง
"โธ่...ไอ้ลี ไอ้บ้า ไอ้โง่ ท่าเยอะไปหน่อย อดเลย
เห็นไหมล่ะ" ลีนวัตรด่าตัวเองอย่างหงุดหงิด
พิน เห็นมาลินีกลับเร็วแท้ ทั้งที่บอกว่าไปเยี่ยมคนป่วย พอถามกันไปมา พินก็มั่นใจว่ามาลินีเข้าใจผิดอย่างแรง คนอย่างปทุมไม่มีทางทำให้ลีนวัตรเป็นอะไรแบบนี้แน่
"ผู้ใหญ่ลีนี่เชิงแกอ่อนซะจริงจริ๊ง ต้องให้อีพินติวเข้ม ให้ซะละมัง" พินบ่นงึมงำทันทีที่มาลินีคล้อยหลังออกไป...
เมื่อ แผนที่หนึ่งไม่ได้ผล ลีนวัตรจำเป็นต้องเริ่มแผนสอง...แม่ปุยตกอกตกใจ เมื่อจู่ๆลีนวัตรมาบอกว่าจะไปเรียนต่อปริญญาเอกที่เมืองนอกสักห้าหกปี
"โอย...ห้าหกปี ผู้ใหญ่จะทิ้งบ้านทิ้งนาไปได้ยังไง ไม่ สงสารแม่รึไง อย่าไปเลย"
"แต่หนูตัดสินใจแล้วนะจ๊ะแม่"
"ผู้ใหญ่ไม่สงสารแม่รึไง แม่แก่ขนาดนี้แล้ว จะให้ลงไปทำนาไหวยังไง"
"ไอ้เหว่ามันก็อยู่ มันคงเป็นเรี่ยวแรงให้แม่ได้อยู่หรอก"
"ยัง ไงมันก็ไม่เหมือนกัน อย่าไปเลยนะผู้ใหญ่ แม่ ขอร้อง ได้เป็นด็อกเตอร์มันก็ดี แต่ถ้าต้องทิ้งบ้านทิ้งนาไปตั้งหลายปียังงี้ แม่ว่าแม่ไม่เอาดีกว่า ผู้ใหญ่เป็นหลักของบ้าน ไม่อยู่ ซะคน น้องนุ่งมันจะอยู่กันยังไง แม่น่ะไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ต้องอยู่ให้ได้ จะทุกข์หน่อยก็เพราะต้องทนคิดถึงลูกเป็นปีๆน่ะแหละ อย่าไปเลยนะผู้ใหญ่นะ"
"ถ้าแม่ไม่อยากให้หนูไป มันก็คงมีอยู่ทางเดียวแหละจ้ะ"
"ผู้ใหญ่จะให้แม่ทำอะไรยังไง บอกแม่มาเถอะ แม่จะทำให้ทุกอย่าง"
"แม่ช่วยไปขอเมียให้หนูหน่อยได้ไหมล่ะ"
"ขอเมีย?" แม่ปุยอุทาน แล้วค่อยๆแย้มยิ้มอย่างรู้ทันแผนของลูกชายตัวดี แต่ก็ยังทำเล่นตัว จนลีนวัตรต้องตามเซ้าซี้
"นะแม่นะ...แม่ทำเฉยยังงี้แปลว่าแม่อยากจะเสือกไสไล่ส่งหนูให้ไปไกลๆใช่ไหม"
"ตั้งแต่เกิดมานี่ผู้ใหญ่ไม่เคยมาตั้งข้อแม้กับแม่ยังงี้"
"แหม แม่...แล้วแม่ไม่อยากให้คุณมาเป็นลูกสะใภ้รึไง" แม่ปุยตอบทันทีว่าอยาก "งั้นแม่ก็ไปเป็นเถ้าแก่ให้หนูหน่อยสิ ไปเดี๋ยวนี้เลยนะแม่นะ"
"จะบ้ารึ ผู้ใหญ่ เรื่องแบบนี้มันเรื่องสำคัญนะ จะปุ๊บปั๊บไปเหมือนไปซื้อของที่ตลาดได้ยังไง มันต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัว เตรียมว่าจะไปพูดยังไง ทะเล่อทะล่าเข้าไปไม่ดูตาม้าตาเรือ เกิดคุณมาแกปฏิเสธขึ้นมาจะทำยังไง"
"ถ้าแม่ไปพูดคุณมาไม่ปฏิเสธหรอกจ้ะ"
"รู้ได้ยังไง"
"รู้ก็แล้วกัน"
"ผู้ใหญ่ นี่เอาแต่ได้ แม่ไม่คุยด้วยแล้ว" ลีนวัตรงอนหน้าม่อย แม่ปุยเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ "เอาไว้ให้แม่ไปขอฤกษ์ท่านก่อน ได้ฤกษ์แล้วค่อยว่ากัน"
"แม่ไม่ต้องไปขอหรอก หนูไปขอมาแล้ว ฤกษ์ดีที่สุดน่ะต้องเป็นวันนี้เท่านั้น"
"โม้..."
"โธ่แม่...ต่อให้ไปถามหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ต้องบอกเหมือนหนูนี่แหละ ฤกษ์ที่ดีที่สุดก็คือฤกษ์สะดวกไงแม่"
แม่ ปุยถอนใจ จนมุมลีนวัตรทุกประตู จากนั้นไม่นาน แม่ปุยก็แต่งตัวสวยเป็นพิเศษโผล่ไปที่บ้านมาลินีพร้อมกับลีนวัตร พินต้อนรับขับสู้สองแม่ลูก ก่อนจะร้องบอกมาลินีที่อยู่ในบ้านว่า แม่ปุยกับผู้ใหญ่ลีมาหา...มาลินีลงมานั่งตรงหน้าสองแม่ลูก แต่ยังวางท่าปึ่งใส่ลีนวัตรเล็กน้อย ไม่ทันที่แม่ปุยจะเริ่มต้นเจรจา ลีนวัตรก็ออกอาการประหม่าบิดไปบิดมา เกาแขนเกาขา จนพินสงสัยว่าเขาถูกยุงกัดหรือเห็บเกาะ
"คงทั้งยุงทั้งเห็บนั่นแหละ เป็นยังงี้มาตั้งแต่กลางวันแล้ว"
"แม่ น่ะ" ลีนวัตรงอนและอาย ลุกออกไปทันที ขณะที่ พินยังเสนอหน้า ทั้งที่แม่ปุยบอกว่ามีธุระสำคัญจะคุยกับมาลินี แถมพินยังคาดเดาด้วยว่าเรื่องสำคัญของแม่ปุยคงเป็นเลขเด็ดแน่ๆ
"แม่พินนี่เดาอะไรเก่งเหมือนกันนี่" แม่ปุยอ้อมแอ้มชม ทั้งในใจนึกด่า
"คืนก่อนฉันเพิ่งฝันดี เปิดตำราดูเขาว่าจะได้ลาภจากสัตว์สองเท้า ไม่คิดเล้ยว่าสัตว์สองเท้าจะเป็นแม่ปุยนี่เอง"
"แต่เขาว่าลาภอย่างนี้น่ะ เขาไม่ให้บอกกันตรงๆหรอก เดี๋ยวมันจะไม่ขลังไม่ใช่เหรอ"
"นั่นสิ งั้นฉันออกไปก่อนดีกว่านะ แม่ปุยจะเขียนฝากไว้ที่คุณมาก็ได้ ฉันจะทำเป็นไม่รู้เรื่องดีมั้ย"
แม่ ปุยพยักพเยิด พินเลยดี๊ด๊าออกไป ขณะเดียวกันนั้น ลีนวัตรชะเง้อคอยาวมองลุ้นเข้าไปในบ้าน ประดิษฐ์เดินมาจากทางบ้านพัก ลีนวัตรเห็นประดิษฐ์ก่อน จึงคว้าก้อนหินเขวี้ยงใส่หลังประดิษฐ์เพื่อไม่ให้เข้าไปขัดจังหวะการสู่ขอ มาลินี ประดิษฐ์ทั้งตกใจทั้งเจ็บ เหลียวมองรอบตัวแต่ไม่เห็นใครสักคน จึงโวยวายเสียงดัง พินเลยโผล่ออกมาถามว่าเอะอะอะไร
ประดิษฐ์ยืนยันว่าเขา ถูกเขวี้ยงด้วยก้อนหินที่กลางหลัง แต่พินมองสำรวจก็ไม่เจอใคร จึงนึกไปถึงผีคุณนายวัน ท่าทางจะเฮี้ยนเสียแล้ว เท่านั้นเองประดิษฐ์ก็เผ่นแน่บกลับบ้านพักไปเลย
ส่วนในบ้าน มาลินีเอาแต่นั่งก้มหน้า ไม่เคยเขินอะไรเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย

"ป้าคนบ้านนอก จะให้พูดสละสลวยเหมือนคนกรุงเทพฯก็พูดไม่เป“นหรอกค่ะ ได้แต่พูดตรงๆอย่างนี้ คุณจะว่ายังไงคะ"
"ผู้ใหญ่ลีเขาวานให้ป้ามาช่วยพูดเหรอคะ ทำไมเขา ไม่มาพูดเองล่ะคะ"
"มัน เป“นธรรมเนียมนี่คะคุณ อันที่จริงป้าอยากพูดกับคุณยายของคุณด้วยซ้ำไป แต่ท่านก็ไม่อยู่ให้พูดด้วยเสียแล้ว ป้าก็เลยต้องพูดกับคุณตรงๆ ผู้ใหญ่น่ะเขาถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ แถมยังขู่ป้าด้วยว่าถ้าไม่ได้แต่งงานกับคุณ เขาจะไป เรียนต่อเมืองนอก ให้เป“นด็อกต้งด็อกเตอร์อะไรอีกตั้งห้าหกป• จะทิ้งแม่ทิ้งน้องทิ้งบ้านทิ้งนาเลยนะคะคุณ คิดดูก็แล้วกันว่าเตรียมตัวประชดชีวิตซะขนาดนี้ แปลว่าเขารักคุณขนาดไหน"
"คนบ้า...บ้าที่สุดเลย" มาลินีเอียงอายหน้าแดง
"ป้า มาพูดแทนลูกชายของป้าก็จริง แต่ลูกชายป้าเขาเป“นคนยังไงคุณก็คงเห็นแจ้งกับตากับใจคุณเองแล้ว คุณจะรับหรือจะปฏิเสธก็ได้ สุดแท้แต่คุณทั้งนั้น แต่ในฐานะคนเป“นแม่ของลูกชายคนนึง ป้าดีใจและถือเป“นเกียรติอันสูงสุด ถ้าป้าจะได้คุณมาเป“นลูกสาวอีกคนนึงค่ะ"
"คุณป้า...หนูต่างหากล่ะคะที่ ได้รับเกียรติอันสูงสุด" มาลินีพนมมือขึ้นไหว้แล้วกราบลงบนตักแม่ปุยด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ แม่ปุยเองก็ยิ้มแย้ม รู้สึกไม่ต่างไปจากกัน ลูบหัวมาลินีอย่างเอ็นดู
"นี่แปลว่าตกลงใช่ไหมคะ"
มาลินี อายจนไม่กล้าสบตา ถามแม่ปุยว่าหนูต้องทำยังไงบ้าง แม่ปุยบอกว่าไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ต่อไปนี้เรียกแม่ แทนป้า ส่วนมาลินีเองก็ขอให้แม่ปุยเลิกเรียกเธอว่าคุณมา
"แล้วจะให้แม่เรียกยังไง เรียกแม่มาเหมือนที่ไอ้ป—๊ดมันเรียกดีไหม"
"ค่ะ...แม่"
แม่ปุยฉีกยิ้มชื่นใจ ดึงตัวมาลินีเข้ามากอด
ooooooo
ทันที ที่เห็นแม่ปุยเดินออกมาจากบ้าน ลีนวัตรก็โผล่ออกจากที่ซ่อนหลังต้นไม้ แม่ปุยเจรจาสู่ขอมาลินีสำเร็จ แต่แกล้งตีหน้าเศร้าอำลูกชายซะจนหน้าซีดหน้าเสียว่ามาลินีไม่ยอมรับหมั้น พอลีนวัตรรู้ความจริง ก็กระดี๊กระด๊าดีใจกระโดดตัวลอย ทั้งกอดทั้งหอมแม่ปุยยกใหญ่ และรับปากจะบวชเรียนให้แม่ได้เห็นชายผ้าเหลืองก่อนที่เขาจะแต่งงานมีครอบ ครัว
ปทุมทำใจไม่ได้เมื่อรู้ข่าวการหมั้นหมายของมาลินีกับลีนวัตร ขณะที่ผู้ใหญ่โหมดก็ขุ่นเคืองใจไม่น้อยเหมือนกัน ปทุมบอกพ่อว่าเป“นตายยังไงเธอก็ไม่ยอมให้นังหน้าลิงนั่นมาแย่งผู้ใหญ่ลีของ เธอ และพ่อก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เธอด้วย
"เออ รู้แล้ว ข้ากำลังใช้ความคิดอยู่โว้ย แล้วมันจะหมั้นกันเมื่อไหร่ไอ้ทองใบ"
"แหล่ง ข่าวรายงานว่าไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่ก็คงจะเร็วที่สุดละจ้ะ เพราะสองคนนั่นรักกันเหลือเกิน รักกันดูดดื่ม รักกัน จนไม่รู้จะรักกันยังไงแล้ว"
ปทุมสุดบาดหูบาดใจ หลับหูหลับตากรี๊ดอย่างทนไม่ได้ ผู้ใหญ่โหมดกับทองใบพากันสะดุ้ง ขี้หูแทบร่วง
"เอ็งใจเย็นๆนังทุม งานนี้มันต้องมีแตกหักกันไปข้างนึงแน่ๆโว้ย"
ส่วน อีกคนที่ฟูมฟายไม่แพ้ปทุมก็คือประดิษฐ์ เขาเดินต้อนหน้าต้อนหลังต่อว่ามาลินีเป“นวักเป“นเวน "มา...ทำไมมาทำกับดิ๊กได้ลงคอ คำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่กันมันไม่มีความหมายอะไรแล้วใช่ไหม มาถึงได้ทำอย่างนี้"
"ฉันว่าความจำฉันไม่ได้เสื่อมนะ ฉันไม่เคยสัญญาอะไรกับคุณ คุณต่างหากที่สัญญาสาบานอะไรต่ออะไรสารพัด แต่ก็ไม่เคยทำได้เลยซักอย่าง"
"ไอ้ ผู้ใหญ่ลีนั่นมันมีดีอะไร มันก็แค่ไอ้ผู้ใหญ่บ้าน บ้านนอกกระจอกๆ พูดก็เหน่อ แต่งเนื้อแต่งตัวก็เสร่อ ตะป•ตะชาติ เคยเห็นกรุงเทพฯซักกี่ครั้งก็ไม่รู้ มาจะไปเป“นเมียมัน ไม่อายคนอื่นเขารึไง"
"ทำไมฉันจะต้องอายล่ะ ในเมื่อฉันมั่นใจว่าเขาเป“นคนดี แล้วก็ปกป้องคุ้มครองฉันได้ คุณดิ๊ก...คุณค่าของความเป“นคนน่ะนะ เขาไม่ได้ดูกันที่รูปร่างหน้าตา แต่งตัวยังไง หรือแม้แต่ พูดภาษาอะไรหรอก วันนี้คุณอาจจะคิดอย่างนั้น แต่สักวันคุณคงจะเข้าใจเอง"
"ดิ๊กจะไม่ยอมให้มากับมันได้แต่งงานกันหรอก"
"ฉัน เคยมีความรู้สึกดีๆให้กับคุณ ถึงวันนี้ก็ยังพอมีอยู่บ้างในฐานะเพื่อน อย่าให้ฉันต้องรู้สึกแย่กับคุณไปกว่านี้เลยดีกว่านะคะ" พูดจบมาลินีก็เดินหลบเข้าในบ้าน ประดิษฐ์ ได้แต่มองตามอย่างสุดช้ำ
แต่คน ที่กำลังสุขสุดๆในยามนี้เห็นจะเป“นลีนวัตร พอกลับถึงบ้านพร้อมแม่ปุย ลีนวัตรก็จัดแจงขอแหวนหมั้นที่พ่อเคยใช้หมั้นแม่ ซึ่งไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรนัก แต่เป•่ยมไปด้วยคุณค่าทางจิตใจ เพราะมันคือสิ่งแทนความรักที่พ่อกับแม่มีให้แก่กัน
หลังจากถูกมาลินีตัด เยื่อขาดใยอย่างสิ้นเชิง ประดิษฐ์ ทั้งเจ็บทั้งแค้น ไปร่วมมือกับผู้ใหญ่โหมดและปทุมเพื่อขัดขวางการหมั้นระหว่างมาลินีกับลี นวัตรให้จงได้ ผู้ใหญ่โหมดวางแผนให้ปทุมกับประดิษฐ์รวบหัวรวบหางคนรักของตัวเอง โดยใช้ให้ทองใบเป“นคนไปบอกมาลินีว่าผู้ใหญ่ลีนัดเจอเธอที่กระต๊อบตอนสามทุ่ม เสร็จแล้วก็ให้ทองใบไปบอกลีนวัตรด้วยว่า มาลินีนัดเจอเขาที่กองฟางตอนสามทุ่มเช่นกัน
แต่ตอนที่ทองใบจะไปบอก มาลินีนั้น เจอพินรับหน้า ทองใบจึงฝากพินบอกต่อมาลินี แต่พินซักถามด้วยความสงสัยเสียจนทองใบชักจะงง เกือบมีการผิดพลาดเรื่องสถานที่นัดหมาย ครั้นไปต่อที่บ้านผู้ใหญ่ลี ทองใบเจอป—๊ดและถูกป—๊ดถามซอกแซก อีกเหมือนกัน ทำเอามึนตึ้บกว่าจะทำภารกิจเสร็จสิ้น
พอมาลินีรู้จากพินก็นึกสงสัยทำไมลี นวัตรถึงนัดไปเจอที่กระต๊อบ มันทั้งมืดทั้งรก แต่พินก็ว่าผู้ใหญ่ลีอาจมีธุระสำคัญ พูดพลางก็ลอบยิ้ม แล้วคะยั้นคะยอให้มาลินีไปให้ได้ ขณะเดียวกันนั้นลีนวัตรก็เตรียมแต่งตัวหล่อตั้งแต่เย็น หลังรู้จากป—๊ดว่ามาลินีอยากเจอเขาที่กองฟางตอนสามทุ่ม
ทางด้านปทุมกับ ประดิษฐ์ก็เตรียมดื่มเหล้าย้อมใจตัวเองก่อนไปปฏิบัติภารกิจสำคัญ ซึ่งครั้งนี้ผู้ใหญ่โหมดหมายมั่น ปั้นมือเป“นอย่างมากว่าเขาต้องได้ผู้ใหญ่ลีเป“นลูกเขยอย่างแน่นอน ส่วนทองใบก็ยังคงมีหน้าที่อย่างต่อเนื่อง โดยผู้ใหญ่โหมดได้มอบหมายให้ทองใบตามปทุมไปที่กองฟางตอนสามทุ่ม แล้วกำชับให้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปปทุมเอาไว้ทุกซอกทุกมุม แต่มีข้อแม้ว่าตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม ทองใบต้องหลับตาถ่าย ห้ามแอบดูลูกสาวของตนอย่างเด็ดขาด
แต่พอถึงเวลาเกิดผิดพลาดอย่างมหันต์ เมื่อฝนดันเทลงมาอย่างหนัก มาลินีกับลีนวัตรที่ต่างก็ไปรอยังสถานที่นัดหมายเกิดวิ่งออกมาเจอเข้า แล้วพากันกลับไปหลบฝนที่บ้านมาลินี ขณะที่ปทุมซึ่งกรึ่มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็วิ่งหาที่หลบฝน ประดิษฐ์เองก็กรึ่มพอกัน กำลังเฝ้ารอมาลินีอยู่ในกระต๊อบที่ค่อนข้างมืดสลัว ทันทีที่ปทุมวิ่งหลบฝนเข้ามา ประดิษฐ์จึงรวบตัวปทุมมาปลุกปล้ำ เพราะเข้าใจว่าเป“นมาลินี ส่วนปทุมพยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ สุดท้ายเธอก็อ่อนระทวย เพราะบรรยากาศเป“นใจให้อารมณ์กระเจิดกระเจิง
ทอง ใบเองก็ถองเหล้ากรึ่มอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ทองใบก็ซื่อสัตย์กับงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด พองานลุล่วงลงแล้ว ทองใบก็รีบนำโทรศัพท์มือถือนั้นไปให้ ผู้ใหญ่โหมดที่คอยฟังข่าวอยู่ที่บ้านอย่างกระวนกระวาย ทองใบคุยอวดว่างานสำเร็จ รับรองไม่มีพลาด
"เออ ให้มันได้ยังงี้สิวะ แล้วภาพชัดแจ๋วไหมล่ะ"
"ฉันไม่รู้จ้ะ"
"ไม่รู้ได้ยังไงวะ"
"อ้าว ก็พ่อผู้ใหญ่สั่งเอาไว้ว่าตอนถ่ายให้หลับตาป•๋ไงจ๊ะ ฉันก็หลับตาป•๋ตามสั่งแหละ"
"เออ เอ็งนี่มันซื่อสัตย์ดี ยังงี้อยู่กับข้าไปได้อีกนาน"
"แล้วพ่อผู้ใหญ่จะไม่เป”ดดูผลงานฉันซะหน่อยเหรอจ๊ะ"
"ดู สิวะ ต้องดู" ผู้ใหญ่โหมดตั้งท่าจะเป”ดคลิปในมือถือ แต่พอทองใบยื่นหน้าเข้ามาจะดูด้วย เขาก็เปลี่ยนใจกะทันหัน "เฮ้ย ไม่ได้โว้ย นี่มันลูกสาวข้า แล้วอีกอย่างนี่มันก็ลับสุดยอดเลยนะโว้ย...เอ้า เอ็งเอาเงินนี่ไปซื้อของหวานกิน แล้ววันหลังเผื่อมีงานอีกค่อยเจอกัน"
ทอง ใบยกมือไหว้ผู้ใหญ่โหมดท่วมหัว ก่อนรับเงินสองร้อยมาด้วยความดีใจ "พ่อผู้ใหญ่นี่มีน้ำใจกับลูกนกลูกกาจริงๆ ขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปเถิด"
ผู้ใหญ่โหมดยิ้มพอใจกับคำสรรเสริญของทองใบ แล้ววาดฝันอย่างครึ้มอกครึ้มใจ หลังจากทองใบคล้อยหลังออกไปแล้ว
"ไอ้ ผู้ใหญ่ลี งานนี้ยังไงก็ต้องตายหยังเขียด พรุ่งนี้เอ็งต้องคลานเข้ามาเรียกข้าว่าคุณพ่อครับ พ่อโหมดครับ มีอะไรให้ลูกเขยคนนี้รับใช้ครับ...ฮ่าๆ"
แต่ผู้ใหญ่โหมดหารู้ไม่ว่า เวลานี้คนที่มีความสุขสุดๆ ก็คือลีนวัตรกับมาลินี ทั้งคู่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง เพราะพินเป“นใจเป”ดโอกาสตอนทั้งคู่เข้ามาหลบฝนในบ้าน พินแอบสับคัตเอาต์ทำให้ไฟดับมืดทั้งบ้าน มาลินีต้องหาเทียนมาจุด นั่นยิ่งสร้างบรรยากาศโรแมนติกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ลีนวัตรจึงถือโอกาสนี้สวมแหวนหมั้นให้มาลินีเป“นที่เรียบร้อย...
ปทุมกับ ประดิษฐ์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองเอาตอนเช้าของอีกวัน ทั้งคู่ต่างแข่งกันกรี๊ดแข่งกันโวยจนกระต๊อบแทบแตก ก่อนจะแยกย้ายกันไปด้วยความขยะแขยง และเจ็บใจที่แผนล้มเหลวไม่เป“นท่า
ผู้ใหญ่ โหมดไม่ได้เอะใจอะไรเลยเมื่อเห็นปทุม ร้องไห้กระซิกกลับมา แถมยังนึกว่าผู้ใหญ่ลีติดใจลูกสาวของตนจนไม่ยอมให้กลับตั้งแต่เมื่อคืน ครั้นปทุมพยายามจะบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ใหญ่โหมดก็เอาแต่พูดๆๆ ไม่เป”ดช่องให้ปทุมได้แทรกเลย
"เอ็งไม่ต้องกลัวไปหรอก ต่อให้มันปฏิเสธยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้นหรอกโว้ย เพราะหลักฐานมันมีอยู่เห็นๆ จะเอาออกมาแฉเมื่อไหร่ก็ได้ เอ็งทำดีแล้วล่ะทุมเอ๊ย อีกหน่อยได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ลี พ่อก็จะพลอยสบายไปด้วย เอ็งนี่รัฐบาลต้องมอบรางวัลลูกกตัญญูให้ทีเดียวล่ะ"
ปทุมแทบไม่ได้ฟังที่พ่อพูดพล่าม เอาแต่ร้องไห้กระซิก เสียใจและเจ็บใจที่สูญเสียพรหมจรรย์ให้ประดิษฐ์ไปแล้ว...

ooooooo

0 Comments:

Post a Comment



บทความใหม่กว่า บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก

Blogger Template by Blogcrowds