เมื่อรู้ว่ามาลินีรับเหว่ากับเฉลาเข้ามาอยู่ในบ้านโดยไม่บอกทางบ้านลีนวัตร สมรกับวลัยอดเป็นกังวลไม่ได้ กลัวลีนวัตรจะมาโกรธเคืองมาลินี แต่มาลินีก็ยืนยันว่าเธออยากช่วยสองคนนี้จริงๆ อีกอย่างพวกเขา ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ถ้าลีนวัตรยอมเปิดใจบ้าง ทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี
แต่ยามนี้ แม่ปุยแทบจะกินข้าวเคล้าน้ำตา เสียใจที่ลูกสาวหนีหายไปกับผู้ชาย ลีนวัตรเองก็กลุ้ม นอนไม่หลับ ทั้งคืน งานการอะไรก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำ เมื่อมาลินีมาที่บ้าน แม่ปุยถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ พูดไปสะอื้นไปอย่างน่าสงสาร
"เด็กมันไม่รักดีค่ะคุณ มันไปแล้ว มันไม่นึกถึงหัวอกแม่มันซักนิด มันเห็นผู้ชายสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น มันน่าเจ็บใจนัก ลูกหนอลูก"
"คุณป้าใจเย็นๆนะคะ เฉลาคงไม่ได้ไปไหนไกลหรอกค่ะ วันสองวันแกก็คงจะกลับมาเอง"
แม่ปุยได้แต่ส่ายหน้าทำใจลำบาก ลีนวัตรที่นั่งฟังอยู่ มุมหนึ่ง ลุกขึ้นเดินออกไปเงียบๆ มาลินีมองตามแล้วหันมาปลอบใจแม่ปุย
"เฉลา เป็นเด็กดีนะคะคุณป้า อย่างน้อยหนูก็เชื่อว่าแกรู้ผิดชอบชั่วดี เพียงแต่แกรู้สึกว่าแกถูกบังคับจิตใจเกินไป แกกำลังพยายามหาทางออกให้ตัวแกเองอยู่เหมือนกันนะคะ คุณป้า เชื่อหนูนะคะ แกต้องปลอดภัยแล้วก็สบายดี คุณป้าอย่าห่วงแกเลยนะคะ"
จากนั้นมาลินีลงไป คุยกับลีนวัตรที่หน้าบ้าน อยากรู้ว่าเขาจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ ลีนวัตรจะไปแจ้งความ หลังจากเฉลาหายไปครบยี่สิบสี่ชั่วโมง มาลินีตกใจขอร้องอย่าให้เป็นคดีความได้ไหม
"ยังไงผมก็ต้องเอาเรื่องไอ้เหว่าให้ถึงที่สุด มันล่อลวงน้องสาวผม"
"ใครจะไปรู้ เฉลาอาจจะยินยอมพร้อมใจไปกับนายเหว่าเองก็ได้นี่คะ"
"คุณอย่ามาทำเป็นรู้ดี"
"แต่ถ้าคุณฟังฉันตั้งแต่ต้น ไม่ใช้วิธีเผด็จการอย่างที่ทำมา เรื่องมันก็คงไม่เลวร้ายจนถึงขั้นนี้หรอกค่ะ"
ระหว่างนี้รถผู้ใหญ่โหมดแล่นเข้ามาขัดจังหวะ ปทุมลงจากรถแถเข้ามาหาลีนวัตรทันที
"พี่ ลีจ๋าพี่ลี ตกลงน้องสาวพี่ลีหนีตามผู้ชายไปจริงๆใช่ไหมจ๊ะ...ตายแล้ว...แล้วตรวจดูเงิน ทองของมีค่าดูรึยัง ว่าอะไรหายไปบ้าง ทุมว่าลงอีแบบนี้ไอ้ผู้ชายมันต้องนัดเอาไว้ล่วงหน้าให้ยกเค้าไปด้วยแหงๆ แสบจริงๆเลย ไอ้คนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคายังงี้ จับได้มันต้องยิงทิ้งอย่างเดียว น้องสาวพี่ลีนี่ก็โง้โง่ ไอ้บ้านั่นมันไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรด้วยหรอก มันฟันแล้วก็ทิ้ง สุดท้ายก็ท้องโย้ซมซานกลับมา เอาหลานมาให้พี่ลีเลี้ยง ไม่เชื่อก็คอยดูสิ"
"นี่คุณ...ในมื่อยังไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมากนักเลย"
"ต๊าย...แล้วหล่อนคิดว่าหล่อนรู้อะไรบ้างยะ เสนอหน้ามาซะทุกเรื่อง เป็นญาติพี่น้องก็ไม่ใช่"
"ทุมเอ๊ยทุม พูดอะไรอย่างนั้น คุณเขาเป็นเพื่อนบ้านผู้ใหญ่ลีนะโว้ย" พ่อปรามลูกสาว
"ก็ อีแค่เพื่อนบ้าน จะมารู้ดีกว่าแฟนอย่างทุมได้ยังไง จริงไหมจ๊ะพี่ลีจ๋า" ปทุมฉอเลาะลีนวัตร หางตาเย้ยมาลินี ลีนวัตรเฉย ไม่ตอบหรือปฏิเสธ มาลินีหน้าตึง เดินจากมาอย่างขัดใจ
ผู้ใหญ่โหมดขึ้นไปปลุกปลอบแม่ปุย ที่เอาแต่ร้องไห้ ปวดใจกับการกระทำของลูกสาว แม่ปุยรับรู้ถึงความอาทรของผู้ใหญ่โหมด แต่มันก็ยังยากจะทำใจอยู่ดี
มาลินี กำชับพินที่เพิ่งรู้ว่าเหว่ากับเฉลาเข้ามาอยู่ในบ้าน มาลินีขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แม้แต่ประดิษฐ์ก็อย่าให้รู้เด็ดขาด แต่วันเดียวกันนี้ประดิษฐ์ก็ไปรู้จากปทุมที่เจอกันโดยบังเอิญว่าน้องสาวลี นวัตรหนีตามคนงานชื่อเหว่าไป
ตกตอนบ่าย ลีนวัตรมาขอยืมอุปกรณ์การเกษตรที่บ้านมาลินี วลัยกับสมรต้องช่วยกันพาเหว่าและเฉลาซ่อนตัวจ้าละหวั่น ขณะที่มาลินีก็คอยต้อนลีนวัตรไปมา จนกระทั่งลีนวัตรได้ของแล้วกลับออกมาโดยไม่เจอเหว่ากับเฉลา ทุกคนก็พากันโล่งอก
"เจอของที่ต้องการไหมคะ" มาลินีเดินตามมาถามลีนวัตร
"เจอครับ ได้ครบแล้ว คงต้องขอยืมคุณไปใช้ก่อน ของผมไอ้เหว่ามันมักง่าย หยิบไปใช้แล้วไม่เก็บคืนที่ หายไปไหนก็ไม่รู้"
"คุณพาลนายเหว่าเขามากกว่ามั้งคะ"
"ผมไม่เคยมีอคติกับใคร"
"ไม่จริงหรอกค่ะ ลึกๆแล้วคุณก็รู้สึกว่าคนการศึกษาน้อยอย่างนายเหว่าไม่ได้คู่ควรกับน้องสาวคุณ"
"ถ้าคุณเป็นผมคุณก็ต้องรู้สึกอย่างเดียวกัน"
"มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ"
"ยัง ไงผู้ชายก็คือผู้นำครอบครัว...คุณมา ผมไม่เถียงหรอกว่าบางครอบครัวผู้หญิงก็ลุกขึ้นมาเป็นผู้นำได้ แต่ไม่ใช่ ไอ้เหว่ากับน้องสาวผมแน่ ถ้ามันคิดว่ามันแน่จริงมันก็ต้องกลับมาทำให้ผมเห็นสิว่ามันจะปกป้องดูแลน้อง สาวผมได้ยังไง ไม่ใช่ใช้วิธีแบบนี้"
"ผู้ใหญ่ลีคะ หมายความว่า...ถ้านายเหว่าพาเฉลากลับบ้าน คุณจะหายโกรธแล้วก็ยกโทษให้ใช่ไหมคะ"
"ผมโกรธที่น้องสาวผมมันกล้าพูดว่าจะเลิกเรียนหนังสือ มันไม่มีความคิดแล้ว มันถึงได้เอาอนาคตตัวเองมาเป็นเรื่องต่อรอง"
"แต่คนเราจะอยู่ได้ยังไงคะ ถ้าไม่มีความรัก"
"คุณกับผมมองเรื่องนี้กันคนละด้านอย่างสิ้นเชิง"
"หมายความว่า เราต้องเป็นศัตรูกัน"
"คุณ มา...คุณรู้ดีว่าความรักอะไรก็ไม่สำคัญเท่ารักในศักดิ์ศรีของตัวเอง พวกผมเกิดมาเป็นชาวนา แล้วก็คงเป็นชาวนาไปจนกว่าจะตาย ชาวนาส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นเหยื่อ ต้องเสียเปรียบหลายอย่างก็เพราะความไม่รู้ ผมไม่ได้อวดอ้างตัวเองว่าจะเป็นคนที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ แต่อย่างน้อยผมก็กำลังพยายาม...แล้วคนที่คิดอย่างนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณนายวัน คุณยายของคุณเอง ท่านรู้ดีว่าการให้การศึกษา มันคืออาวุธอย่างเดียวที่ชาวนาอย่างพวกเราจะเอาไปใช้รบราฆ่าฟันกับการถูกเอา รัดเอาเปรียบได้ ผมหวังว่าคุณมาจะพอเข้าใจผมขึ้นมาบ้างนะครับ"
ลีนวัตร เดินจากไป มาลินีอื้ออึงเมื่อได้ยินได้ฟังความในใจของเขา เธอเข้าใจเขาขึ้นมามากทีเดียว...ครู่ต่อมา เฉลากับเหว่าก็มานั่งหน้าจ๋อยฟังมาลินีถ่ายทอดคำพูดของลีนวัตร โดยมีวลัย สมร และพินร่วมฟังอยู่ด้วย วลัยกับสมรเห็นตรงกันว่าลีนวัตรมีเหตุผลที่โกรธเฉลากับเหว่า ตอนแรกพวกเธอคิดว่าเขาแค่หน้าบางอับอายผู้คน
"เหลา...ยิ่งได้ฟังพี่ ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกระจอกสิ้นดี พี่ว่า พี่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว พี่จะพาเหลากลับไปส่งบ้าน" ขาดคำของเหว่า ประดิษฐ์ก็โผล่พรวดออกจากที่ซ่อน
"ฉันรู้แล้วยัยพิน ว่าทำไมแกถึงกันท่าฉันไม่ให้เข้ามาที่นี่ ฉันจะไปบอกผู้ใหญ่ลีว่าไอ้บ้านี่แอบพาน้องสาวเขามาอยู่ที่นี่เอง แกเสร็จแน่ไอ้คนงานกระจอกเอ๊ย"
ทุกคนแตกตื่นตกใจ รีบวิ่งตามประดิษฐ์ออกไป
ในที่สุดประดิษฐ์ก็ถูกพวกวลัยจับตัวเข้าไปขังในห้องที่เรือนเล็ก หมดโอกาสปากโป้ง...

เย็นนั้น มาลินีตั้งใจมาเยี่ยมแม่ปุยที่ซูบซีดยังไม่ยอมกินข้าวกินปลา แต่พอรู้จากฉลวยว่าลีนวัตรกำลังจะไปแจ้งความเรื่องเฉลาหายตัวไป มาลินีก็รีบร้อนลงจากเรือนไปห้ามลีนวัตร ที่กำลังสตาร์ตรถ โดยให้เหตุผลว่า เธอกลัวเฉลาจะอับอายผู้คน ลีนวัตรกลับบอกว่า ไม่มีอะไรต้องอายอีกแล้ว มาลินีร้อนใจ เผลอปากว่าภายในวันสองวันนี้ยังไงเฉลาก็ต้องกลับมา ลีนวัตร เลยสงสัยว่ามาลินีรู้ได้ยังไง
มาลินีตอบอึกๆอักๆว่าเดาเอา ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน และเป็นเพื่อนบ้านที่หวังดี เคยมีความรู้สึกดีๆต่อทุกคนในบ้านของเขา อีกทั้งคุณยายของเธอก็เป็นคนที่เขา เคารพนับถือ เธอเชื่อว่าถ้ายายยังอยู่ ท่านก็ต้องคิดและทำอย่างเธอเหมือนกัน
"นะคะ...ผู้ใหญ่ลี ฉันขอร้อง อย่าเพิ่งไปแจ้งความให้ เรื่องนี้กลายเป็นคดีขึ้นมาเลย"
ลี นวัตรนิ่งไปชั่วขณะก่อนผละออกจากรถ มาลินีค่อยโล่งใจที่เหตุผลของเธอสามารถเปลี่ยนใจลีนวัตรได้...แต่พอเช้าอีก วัน มาลินีก็มีเรื่องให้หนักใจขึ้นมาอีก เมื่อพินพาทองใบ มาฝากทำงานบ้าน จะให้ทองใบทำอะไรก็ได้ แล้วแต่จะใช้ เพราะพินต้องการให้ทองใบปรับปรุงตัวทำงานทำการเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่กินเหล้าเมาไร้สาระไปวันๆ
หลังตกปากรับคำกับพินเรียบร้อย แล้ว มาลินีมุ่งหน้าไปบ้านลีนวัตร เป็นเวลาปลอดคนพอดี มาลินีจึงแอบพาแม่ปุยมาที่บ้านของเธอ แล้วให้เฉลากับเหว่าออกมากราบขอโทษ แม่ลูกเลยบ่อน้ำตาแตก กอดรัดกันด้วยความรักแห่งสายใย... มาลินีดีใจที่แม่ปุยยกโทษให้เฉลากับเหว่า
"จะผิดพลั้งยังไงมันก็ลูกนี่ คะคุณ ต่อให้มันทำเรื่องน่าเสียใจขนาดไหน ก็ยกโทษให้มันได้อยู่ดี ป้าสบายใจขึ้นเยอะ เชียวค่ะ นี่ถ้าผู้ใหญ่ลีเขารู้ เขาก็คงเลิกกลุ้มซะทีเหมือนกัน"
"แต่คุณป้าจะให้ผู้ใหญ่ลีรู้ตอนนี้ไม่ได้นะคะ ไม่งั้นคนที่ต้องซวยที่สุดงานนี้ ไม่พ้นหนูแน่ๆค่ะ"
จาก นั้นมาลินีก็ออกไปพบลีนวัตรกลางทุ่งนา พูดคุยกันเรื่องข้าวใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ แล้วถือโอกาสชวนเขามากินข้าวกลางวันที่บ้านของเธอ อ้างว่าเพื่อนๆของเธออยากเลี้ยง ความจริง มาลินีจะให้เหว่ากับเฉลาปรากฏตัวกราบขอขมาลีนวัตร แต่สุดท้าย มาลินีก็ยังไม่กล้าอยู่ดี ได้แต่พูดคุยกรุยทางให้ไปก่อน จน กระทั่งค่ำได้เวลาอาหารอีกมื้อที่มาลินีมาร่วมวงกับครอบครัวลีนวัตรด้วย ลีนวัตรถึงรู้ความจริงว่าเหว่ากับเฉลาหลบไปอยู่บ้านมาลินี และแม่ปุยกับคนอื่นๆในบ้านก็รู้เรื่องนี้หมดแล้วด้วย
เฉลากับเหว่าเข้า มากราบขอขมาลีนวัตรด้วยความสำนึกผิด ทุกคนลุ้นกันใหญ่ว่าระเบิดจะลงหรือเปล่า แต่ลีนวัตร ก็เงียบ ไม่ดุด่าทั้งคู่ หากแต่เกิดอาการงอนมาลินีที่ไม่ยอมบอกแต่แรก จึงลุกหนีออกไปนอกบ้าน มาลินีต้องรีบตามไปอธิบาย แต่ลีนวัตรกลับเปิดฉากขึ้นก่อนด้วยความน้อยใจ
"ทุกคนเห็นผมเป็นตัวตลก"
"ไม่ เลยค่ะ ทุกคนกลัวคุณมากกว่า ถึงต้องใช้วิธีนี้ ฉันว่าฉันเข้าใจคุณนะคะ คุณเหมือนหัวหน้าครอบครัวที่คาดหวัง ว่าทุกคนจะเดินตามทางที่คุณกำหนด แต่คุณต้องไม่ลืมนะคะว่าท้ายที่สุดแล้ว แต่ละคนเขาก็มีชีวิตของตัวเอง ฉันขอโทษถ้าคุณคิดว่าฉันเข้ามาจุ้นจ้านวุ่นวายเกินไป ฉันกลับละค่ะ ดึกแล้ว"
"ผมจะไปส่ง"
มาลินีชะงัก หันกลับมายิ้ม "ฉันคิดว่าจะไม่ได้ยินคำนี้ ซะแล้ว"
หนุ่ม สาวยิ้มให้กัน แล้วพากันกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ขณะเดียวกันนี้ วลัยกับสมรพลาดท่าปล่อยประดิษฐ์หลุดออกจากห้องไปได้ ประดิษฐ์โกยอ้าวไปบ้านลีนวัตรเพื่อบอกเรื่องเหว่ากับเฉลาหลบอยู่ที่บ้าน มาลินี แต่ต้องมาเจอทั้งเหว่าและเฉลาอยู่ที่นี่ครบ ประดิษฐ์เลยได้แต่หงุดหงิดหัวเสียกลับไป
เช้าอีกวัน ปื๊ดมาช่วยมาลินีเก็บไข่ไก่ วลัยกับสมรก็ลงมาแจมด้วย แต่วันนี้ทุกคนผิดหวังที่ไข่ไก่มีแค่สองสามฟอง ไม่มากเหมือนทุกวัน ปื๊ดบอกว่าสงสัยอากาศร้อนเกินไป ไก่มันเครียด เลยไม่ออกไข่ สามสาวเพิ่งรู้ว่าไก่ก็เครียดเป็นเหมือนกัน จากนั้นก็ช่วยกันคิดหาวิธีจะทำให้ไก่หายเครียด พอเรื่องนี้รู้ถึงหูลีนวัตร ลีนวัตรจึงรับปากมาลินีว่าเขาจะช่วยจัดการให้เอง
ทองใบยังขี้เกียจตัว เป็นขนเหมือนเดิม มาลินีให้ถางหญ้า ทองใบก็แอบหลับ แถมกรนเสียงดังได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน...ประดิษฐ์ก็เช่นกัน วันๆทำตัวลอยไปลอยมา เดี๋ยวก็โผล่ ไปร้านผู้ใหญ่โหมด ช่วยกันวางแผนกับสองพ่อลูกเพื่อแยกลีนวัตรกับมาลินีออกจากกัน เสร็จแล้วเขาก็กลับมาตอแยมาลินี แถมพูดจาดูถูกเหยียดหยามลีนวัตรหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ที่ประดิษฐ์เข้าใจว่าลีนวัตรจบแค่มัธยม มาลินีสุดจะเบื่อ ลุกขึ้นเดินหนี แต่ประดิษฐ์ก็ยังตามไม่เลิก นึกได้ว่ามีข่าวดี ผู้จัดละครช่อง 3 ติดต่อเขามา อยากให้มาลินีไปเล่น ละครให้ ซึ่งเขาเจาะจงไปแล้วว่าต้องเป็นบทนางเอกเท่านั้น แล้วก็เรียกค่าตัวไปแล้วด้วย ตอนละหกหมื่น เผื่อเขาต่อรอง ปรากฏว่าเขาไม่ต่อเลยสักบาท
แทนที่จะได้ยินคำขอบคุณจากมาลินี ประดิษฐ์กลับได้ยินคำต่อว่า มาลินีไม่พอใจที่ประดิษฐ์รับปากเขาไปแล้ว โดยไม่ถามเธอก่อนสักคำ
"ก็ ดิ๊กชัวร์ว่ามาต้องเล่นนี่ครับ แล้วอีกอย่างเขาอยากได้คำตอบเร็วๆด้วย ดิ๊กก็เลยเซย์เยสไปเลย อาทิตย์หน้าเขาจะขอฟิตติ้ง แล้วจะเปิดกล้องเลย"
"อาทิตย์หน้าฉันไม่ว่าง เพราะต้องเกี่ยวข้าว"
"มา... ละครเล่นง่ายๆ ถ่ายแป๊บเดียวก็เสร็จ วันหนึ่งได้ตั้งสามสิบสี่สิบฉาก มาไม่ต้องทำอะไรมากมายเลย ปัดขนตาให้สวยอย่างเดียวให้คนดูชอบก็พอแล้ว ทำงานสองสามเดือน เราก็ได้เงินเป็นล้านนะ"
"คุณโทร.ไปบอกเขาเถอะว่าฉันไม่ว่าง"
"มา...เกี่ยวข้าวน่ะมันเรื่องเล็กให้ใครทำก็ได้"
"แต่ฉันอยากทำงานของฉันเองมากกว่า เพราะมันเป็นนาของฉัน" มาลินียืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ประดิษฐ์เลยไม่กล้าเซ้าซี้เธออีก
ตก กลางคืน พินทะเลาะกับทองใบเสียงดังลั่นบ้าน มาลินีกับวลัยและสมรตกใจวิ่งกรูมาดูที่ห้อง เห็นพินกำลังระดมทั้งหมัดทั้งแข้งใส่ทองใบ แต่ปากพินดันบอกว่าทองใบทำร้ายเธอ พินรำพันเสียใจที่ทองใบไม่ปรับปรุงตัว ยังกินเหล้า เมายาทุกวัน
"กินแค่เป็นยา เข้าใจกันบ้างสิโว้ย" ทองใบเถียง
"เมา เป็นหมาทุกวัน ยาบ้านมึงสิ" พินด่าพร้อมกับโถมแข้งเข้าใส่จนทองใบจุกแอ่ก "อยากกินก็กลับไปกินบ้านมึงโน่น รู้จักเกรงอกเกรงใจคุณมาเธอมั่ง แล้วมึงกับกูขาดกันตั้งแต่วันนี้ไอ้ทองใบ กูไม่เอามึงแล้ว ตัวใครตัวมัน"
"นายทองใบหอบที่นอนหมอนมุ้งไปนอนที่อื่นก่อนไป ไม่งั้นคืนนี้ไม่มีใครได้พักผ่อนแน่"
ทอง ใบลุกขึ้นหอบสัมภาระออกไปตามที่มาลินีบอก เสียงด่าของพินยังดังไล่หลัง...ไปแล้วอย่ากลับมาให้เห็นหน้านะมึง...ด่าจบ พินก็ร้องไห้ฮือๆ สมรต้องปลอบพินใจเย็น พิน กลับคร่ำครวญว่าเลือกผัวผิด คิดจนตัวตายจริงๆ เจ็บใจนัก...
"อยู่ตัวคนเดียวเป็นนางสาวไปจนแก่ตายซะ ยังดีกว่า จริงไหมยัยพิน" วลัยถามขึ้นมา พินเอาแต่ร้องไห้ พยักหน้า หงึกหงัก มาลินีเห็นแล้วถอนใจ กลุ้มแทน...

ooooooo

วันหยุดฉลวยอยากไปเที่ยวกรุงเทพฯ ซึ่งช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสเหมาะ เพราะลีนวัตรต้องไปอยู่วัดเพื่อเตรียมตัวบวช แต่พอฉลวยบอกกับแม่ปุย ฉลวยก็ถูกคัดค้าน เพราะแม่ปุยต้องการให้ฉลวยอยู่ช่วยกันเตรียมงานบวชลีนวัตรที่กำลังจะจัดขึ้น
ฉลวย ขัดใจเดินเซ็งออกจากบ้านไปเจอประดิษฐ์ที่กำลังเซ็งมาเหมือนกัน ด้วยเรื่องที่เขาได้ปทุมเป็นเมียอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อประดิษฐ์รู้ว่าฉลวยอยากไปกรุงเทพฯ เขารีบอาสาพาฉลวยไปเปิดหูเปิดตา อวดตัวว่าเขารู้จักกรุงเทพฯทุกซอกทุกมุม ฉลวยดีใจมาก รับปากมั่นเหมาะว่าพรุ่งนี้เช้าจะออกเดินทางไปกับประดิษฐ์ ครั้นตกกลางคืนฉลวยก็แอบจิ๊กเงินแม่ปุยมาไม่น้อยเพื่อไว้ใช้จ่ายขณะไป กรุงเทพฯ
เมื่อฉลวยได้ไปเห็นบรรยากาศในเมืองหลวง ก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างรอบตัว ประดิษฐ์พาฉลวยช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า แต่ฉลวยต้องควักเงินจ่ายทั้งของตัวเองและของประดิษฐ์ จากนั้นประดิษฐ์ก็พาฉลวยเที่ยวต่ออีกจนเย็น ก่อนจะพาฉลวยกลับคลองหมาหอน
ขณะฉลวยหิ้วถุงข้าวของเต็มสองมือเข้าบ้านมาในตอนค่ำ ต้องชะงักไปนิดที่เห็นแม่ปุย เฉลา กับปื๊ดนั่งหน้าสลอนคอยการกลับมาของเธออยู่
"นังหลวย เอ็งหายไปไหนมาทั้งวัน ใครต่อใครเขาพากัน เป็นห่วง จนข้าจะไปแจ้งความอยู่แล้ว"
"ก็หนูบอกแม่แล้วไงว่าหนูจะไปกรุงเทพฯ"
แม่ ปุยหน้าไม่ดี เสียใจที่ลูกไม่เชื่อฟัง ขณะที่เฉลาก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าฉลวยจะกล้าถึงขนาดนี้ แต่ปื๊ดกลับพูด ประสาเด็ก ต่อว่าพี่หลวยไปกรุงเทพฯไม่บอกกันมั่ง ปื๊ดจะได้ไปด้วย
"ไอ้ ปื๊ด..." แม่ปุยปรามเสียงขุ่น "นังหลวย แกชักจะ เอาใหญ่แล้วนะ พี่ผู้ใหญ่เขาไม่อยู่บ้านวันเดียวแกไม่เกรงใจกันเลย หรือแกคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรแก"
"โธ่ แม่ก็...อย่าซีเรียสน่า นะๆ เรื่องแค่นี้เอง ฉันก็กลับมาแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเลย"
"ชักจะเก่งใหญ่แล้วนะเอ็ง" แม่ปุยหน้าคว่ำ
"น่า แม่...ใจดีๆ พรุ่งนี้วันดีของพี่ลีเขา อย่าโมโห เดี๋ยวจะเสียฤกษ์นะจ๊ะ แม่คนสวยของหลวย" ฉลวยอ้อนประจบสุดฤทธิ์ แต่แม่ปุยก็ยังหน้าตูมอยู่ดี
ooooooo
เช้า รุ่งขึ้น พิธีอุปสมบทของลีนวัตรดำเนินไปอย่าง เรียบง่ายและสนุกสนาน ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มอิ่มบุญ โดยเฉพาะแม่ปุยถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปลาบปลื้มตื้นตัน ขณะที่ขบวนแห่นาควนรอบโบสถ์ ปทุมกับผู้ใหญ่โหมดก็วิ่งผ่าเข้ามาแทรกกลาง จนหลายคนตกอก ตกใจ
"ขอโทษทีมาสายไปหน่อยแม่ปุย แต่มาสายก็ยังดีกว่า ไม่มาใช่ไหมล่ะ" ผู้ใหญ่โหมดปั้นยิ้มใส่แม่ปุย ก่อนหันมาที่ลูกสาว "ทุมเอ๊ย ไปช่วยถือของให้นาคสิลูก"
ไม่ทันขาดคำของพ่อ ปทุมตรงเข้าไปแย่งหมอนจากมือมาลินีทันที พินไม่พอใจ ปราดเข้ามาจะแย่งหมอนคืน แต่ มาลินีชิงปรามพินเสียก่อน
"ช่างเขาเถอะพิน เขาอยากถือก็ให้เขาถือไป"
"ให้ มันรู้ซะมั่ง คนที่จะเป็นเมียเท่านั้นแหละ เขาถึงจะให้ถือหมอนให้นาค คนอื่นไม่มีสิทธิ์ย่ะ" ปทุมลอยหน้าเยาะเย้ยมาลินี พินเห็นแล้วฮึ่มๆ อยากจะตบซะกลางงานจริงๆ
"ไม่เอาน่าพิน นี่งานมงคลนะ เดี๋ยวก็ไม่ได้บุญหรอก"
พิน ขัดใจแต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ตามคำเตือนของมาลินี ส่วนนาคลีนวัตรไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เพราะมัวตั้งจิตตั้งใจให้เป็นสมาธิ...หลังจากผ่านขั้นตอนจนครบถ้วนแล้ว ลีนวัตรก็อยู่ในผ้าเหลืองอย่างสมบูรณ์ มาลินีมองพระอย่างปีติชื่นชม ขณะที่ปทุมดี๊ด๊าเสนอหน้ายิ้มไม่มีสำรวม แม่ปุยขยับเข้ามาใกล้ แล้วก้มลงกราบพระลูกชาย ไม่วายน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจ พอมาลินีจะขยับเข้ามากราบ ปทุมก็ชิงตัดหน้า กราบพระกระชด กระช้อย พร้อมกับจีบปากสนทนา
"หลวงพี่อยากฉันอะไร หลวงพี่จดรายการอาหารมาก็ได้นะจ๊ะ ทุมจะเอามาถวายทุกวันเลย"
"ท่าน เป็นพระแล้วนะยะ จะมาถามท่านว่าอยากฉันอะไรได้ไง ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย" พินว่าให้อย่างหมั่นไส้ ปทุม ไม่พอใจสะบัดหน้าใส่พิน
"พระลูกเขยราศีดีจริงๆ ฝันเห็นเลขสวยๆ ก็กระซิบบอกกันบ้างนะท่าน"
"อาตมาบวชเพื่อศึกษาพระธรรม โยม...เรื่องอื่นอาตมาไม่คิด"
ผู้ใหญ่โหมดชะงัก แล้วรีบแก้เก้อ "แหม...มันก็ต้องมี โบนัสกันบ้างละ...แค่พรรษาเดียว ทุมเอ๊ย เอ็งคอยท่านหน่อยก็แล้วกันนะลูกนะ"
"เอ๊ะ พี่โหมดนี่พูดยังไง คู่หมั้นพระก็นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ" แม่ปุยปรามอย่างไม่พอใจ
"โลก นี้มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกแม่ปุย จริงไหมล่ะท่าน" ผู้ใหญ่โหมดหัวเราะหึๆในคอ พระลีนวัตรอึดอัดใจแต่ข่ม เหลือบมองมาลินีอย่างไม่สามารถมองได้เต็มตา สักครู่ก็ลุกเดินตามขบวนพระอื่นๆออกจากโบสถ์ มาลินีได้แต่มองชายจีวร ที่ผ่านหน้าไป ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ
ooooooo
ขณะเดินออกจากวัด เพื่อกลับบ้าน แม่ปุยแย้มยิ้มตลอดเวลา เหว่ากับเฉลาก็หยอกล้อกันอย่างมีความสุข หนำซ้ำทั้งคู่ยังแหย่แม่ปุยจนหัวเราะขำไปด้วยกัน มาลินี มองความสุขของคนในครอบครัวนี้แล้วสบายใจ พอแม่ปุยเอ่ยถึงปทุมขึ้นมา บอกมาลินีอย่าไปถือสาปทุมเลย
"หนูไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ หนูว่าหนูเข้าใจเขาดีนะคะ"
"ดีแล้วล่ะ เขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น อีกหน่อยก็คงจะห่างๆไปเอง"
มาลินียิ้มรับ ครั้นเธอกลับมาถึงบ้าน ก็พบประดิษฐ์นั่งหน้าบอกบุญไม่รับรอเธออยู่
"ท่าทางเหมือนไม่ต้องกินข้าวไปได้อีกหลายวันเลยนี่นะ อิ่มบุญมากรึไงครับมา"
"ก็คงทำนองนั้นแหละค่ะ"
"อย่าหาว่าดิ๊กแช่งเลยนะ ดิ๊กมีความรู้สึกว่ามาไม่มีวัน ได้แต่งงานกับไอ้..."
"พูดให้ดีๆนะดิ๊ก ตอนนี้ผู้ใหญ่ลีบวชเป็นพระอยู่นะ"
"ก็ พูดกันตามตรง ดิ๊กว่ามายังไม่ได้รู้จักมัน เอ๊ย เขาดีพอเลย เขาอาจจะมีอะไรที่ปกปิดมาไว้ก็ได้ ผู้ชายน่ะนะมา หาที่มันเพอร์เฟกต์น่ะไม่มีหรอก...ยาก"
"ขอบใจนะที่ช่วยเตือนสติฉัน แต่ชีวิตของฉัน ฉันว่าฉันจัดการเองได้ ดูตัวคุณเองก่อนเถอะ แทนที่จะมามัวปล่อยเวลาให้ผ่านไปวันๆอย่างนี้ คุณควรจะหาอะไรทำที่มีประโยชน์ ดีกว่า พาตัวเองให้รอดซะก่อนดีกว่าจะมานั่งอยู่ในบ้านของ คนอื่นเขาเฉยๆแบบนี้"
ประดิษฐ์เจ็บจี๊ดที่ถูกมาลินีออกปากไล่ แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไล่หลังเธอไป
เย็นนั้น ทองใบวนเวียนมาง้อพินถึงในครัว แต่พินยัง ใจแข็งเหมือนเดิม พินด่าทองใบทันทีเมื่อได้ยินทองใบบอกว่า อยากจะบวชกับเขาบ้าง
"คิดจะบวชหนีหนี้เรอะ ฝันไปเหอะ"
"ไม่ได้จะหนีหนี้ แต่บวชจะได้เบียดกับแม่พินต่างหาก แม่พินไม่คิดจะเห็นใจฉันบ้างเหรอ ฉันกะจะบวชซักพรรษานึง"
"วัน เดียวคนอย่างเอ็งก็ทำศาสนาเสื่อมแล้ว ไปเลิกเหล้า เลิกยาให้ได้ซะก่อนเหอะ อย่าเอาศาสนามาอ้างให้ตัวเองดูดีเลยไอ้ทองใบ ไปให้พ้นเถอะ เกะกะขวางทาง ข้าจะทำงาน" ทองใบทำตาปริบๆ ไม่ยอมขยับ พินเลยฮึ่มใส่ "ยังอีก เดี๋ยวแม่สาดด้วยน้ำนี่ซะเลยนี่"
"แม่พินอยากสาดก็สาดเถอะจ้ะ ถ้ามันเป็นความสุขของแม่พิน"
ขาดคำ พินสาดน้ำในกะละมังใส่ทองใบทันที "แหม มีความสุขจริงๆ" ว่าแล้วพินก็เดินหัวเราะจากไป ทองใบเปียกทั้งตัว ยืนตาปรอย ผิดหวัง...
ooooooo
ใน ช่วงที่ลีนวัตรบวช เหว่าได้ขึ้นมานอนบนเรือน ตามคำสั่งของพระ เหว่าจึงมีโอกาสใกล้ชิดเฉลามากขึ้น เฉลาเองก็ถือโอกาสนี้ติวเข้มการเรียน กศน.ให้เหว่าไปในตัวด้วย
แม่ปุยใส่บาตรพระลีนวัตรทุกเช้า เช่นเดียวกับมาลินีที่เตรียมอาหารตั้งแต่ไก่โห่ทุกวัน โดยมีพินคอยดูแลช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แถมบางวันพินก็มีแซวๆพระกับมาลินีบ้างเหมือนกัน ระยะนี้จึงถือเป็นช่วงที่ทุกคนมีความสุขสดชื่น
แต่คนที่กำลังทุกข์ใจก็คือปทุม...ปทุมตกใจเมื่อได้ยินพ่อบอกว่าจะสึกพระด้วยคลิปลับ แฉกันให้เห็นจะจะไปเลย
"คลิป? แฉ? แฉอะไร" ปทุมงุนงง เพราะไม่เคยรู้ มาก่อน
"อุวะ คลิปลับเขาไม่ได้ถ่ายกันแค่เอาไปขายคลองถม อย่างเดียวโว้ย เขาเอาไว้แฉกันด้วย"
"พ่อพูดอะไรหนูไม่เข้าใจ คลิปอะไร"
"ก็คลิปเอ็งตอนสวีตหวานแหววกับผู้ใหญ่ลีน่ะสิวะ" ปทุมหน้าซีดเผือด "เอ็งไม่ต้องอายไปหรอก มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ผู้ชายผู้หญิง"
"พ่อ...หนูว่า...อย่าเพิ่งใช้วิธีนี้เลย"
"ทำไมวะ นี่มันไม้ตายเราเลยนะโว้ย"
"มัน บาปนะพ่อ แล้วอีกอย่างหนูว่าเรายังมีวิธีทำให้พระกับยัยหน้าลิงนั่นเลิกกันได้เนียนๆ หนูเป็นนางเอกนะพ่อ พ่อจะให้หนูไปสึกพระ ใครต่อใครเขาก็จะพากันประณามว่าหนูเป็นนางอิจฉาเปล่าๆ จริงไหมล่ะพ่อ"
"เออ...ก็จริงของเอ็งว่ะ แล้วเอ็งมีแผนอะไรดีๆ ไหนว่ามาซิ"
"คุณ ดิ๊กเขากำลังจัดการอยู่" ปทุมตอบส่งเดชเอาตัวรอด...ทั้งที่ความจริงประดิษฐ์ยังไม่ได้คิดอ่านทำอะไร เลย นอกจากเรื่องของตัวเอง ประดิษฐ์นัดฉลวยออกมาพบ แล้วชักชวนเข้ากรุงเทพฯ โดยเอาเรื่องวงการบันเทิงที่ฉลวยชื่นชอบมาเป็นตัวล่อ ฉลวยก็เหมือนวัยรุ่นที่อยากลิ้มอยากลอง ยิ่งพอ ประดิษฐ์บอกว่าฉลวยสวยคม มีสิทธิ์ได้งานในวงการ ถ้ายอมไปพร้อมกับเขาเพื่อพบโมเดลลิ่ง ฉลวยจึงไม่อิดออดเลยสักนิด

ตกค่ำ ขณะฉลวยเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง เฉลาเข้ามาเห็น ถามน้องว่าจะไปไหน ฉลวยบอกตามตรงว่าจะเข้ากรุงเทพฯสักพัก เฉลาไม่เห็นด้วย ซักฉลวยแทบไม่หายใจ ฉลวยหาว่าเฉลาจู้จี้ แม่ยังไม่ถามเยอะขนาดนี้
"นี่บอกแม่แล้วเหรอ"
"บอกแล้ว" ฉลวยโกหกได้เนียนมาก พอถูกพี่สาวถามว่าบอกหลวงพี่หรือยัง ฉลวยก็โบ้ยว่า เดี๋ยวแม่ก็ไปบอกเองแหละ
"จะทำอะไรก็คิดดูให้ดีๆนะ อย่าทำให้แม่ให้หลวงพี่ผิดหวัง พี่เตือนได้แค่นี้แหละ"
"แหม พี่เห็นฉันเป็นคนโง่รึยังไง ฉันรู้น่าว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันไปวันสองวันก็กลับแล้ว พี่ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ ฉันดูแลตัวเองได้"


ooooooo

เช้าวันใหม่ มาลินีเดินออกมาหน้าบ้าน เห็นประดิษฐ์กำลังปิดฝากระโปรงหน้ารถ หลังจากตรวจเช็กเครื่องเตรียมขับทางไกล
"ฉันเป็นเจ้าของรถคันนี้แท้ๆ แทบไม่ได้ใช้มันเลย ถ้าคุณชอบมันจริงๆ ซื้อต่อไหมล่ะ ฉันจะขายให้"
"ทำไมดิ๊กต้องซื้อด้วยล่ะ ของมาก็เหมือนของดิ๊กน่ะแหละ ยังไงมาก็ต้องยกให้ดิ๊กอยู่แล้ว"
มาลินีพูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าสมเพชผู้ชายคนนี้เสียจริง
"ดิ๊กจะเข้ากรุงเทพฯหลายวันหน่อย มาอยากได้อะไรไหม"
"จะซื้อมาฝากรึไงคะ"
"ก็งั้นสิ เสร็จงานนี้ดิ๊กคงได้เงินหลายหมื่น มาจะได้เลิกดูถูกดิ๊กซะทีว่าดีแต่เกาะมากิน"
"คิดได้ยังงั้นก็ดี คนเรามันต้องมีศักดิ์ศรีในตัวเองนะคะ"
"แล้ว มาจะได้เห็น" ประดิษฐ์หัวเสีย ขึ้นรถขับพรืดออกไป แล้วไปรับฉลวยยังจุดนัดที่ตลาด แต่เผอิญพินที่มาซื้อของเห็นทั้งคู่เข้าเต็มๆ พินรู้สึกไม่ชอบมาพากล พอกลับถึงบ้าน พินก็รีบบอกให้มาลินีรู้
ส่วนแม่ปุยก็เพิ่งรู้จากเฉลาว่า ฉลวยไปกรุงเทพฯ แม่ปุยถึงกับลมจับ นั่งดมยาหน้าซีดเซียว อีกครู่เดียว มาลินีกับพินก็รีบร้อนขึ้นเรือนมา พินเกือบหลุดปากบอกเรื่องที่เห็นฉลวยขึ้นรถไปกับประดิษฐ์ ถ้ามาลินีไม่สะกิดปรามเสียก่อน มาลินีบอกแม่ปุยว่าไม่ต้องกังวล เธอจะไปตามฉลวยกลับมาเอง เธอพอจะรู้ว่าฉลวยไปอยู่ที่ไหน แต่ขอร้องทุกคนอย่าบอกเรื่องนี้ กับพระลีนวัตร เดี๋ยวท่านจะไม่สบายใจ
ประดิษฐ์ พาฉลวยไปพบเพื่อนที่ทำหนังเรตอาร์ลงแผ่นซีดีขาย เป็นจังหวะที่ขาดนางเอกหนังพอดี ประดิษฐ์จึงคะยั้นคะยอหลอกให้ฉลวยเซ็นสัญญากับเพื่อนของตน จากนั้นก็พาไปเที่ยวเพื่อให้ฉลวยตายใจ ก่อนจะพากลับมาที่นี่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เพื่อถ่ายทำหนังลามกแลกเงินค่าตัวที่ประดิษฐ์คิดจะฮุบไว้เสียเอง


ด้าน มาลินี พอออกจากบ้านแม่ปุยมาแล้ว เธอก็รีบโทร.ติดต่อไปยังมือถือของประดิษฐ์ และสอบถามเขาอย่างรู้ทันว่าฉลวยอยู่กับเขา เธอจะขอคุยกับฉลวย แต่ประดิษฐ์ทำไก๋ ไม่รู้ไม่ชี้ ถามกลับมาว่า "มาไปเอาข่าวมาจากไหน"
"จะปฏิเสธยังไงฉันก็ไม่เชื่อคุณหรอก ฉันขอเตือนนะ อย่าคิดทำอะไรไม่ดีกับฉลวยเป็นอันขาด"
"ดิ๊กก็อยู่ของดิ๊กเฉยๆ เด็กมันแส่ของมันเอง แล้วมา คิดว่าจะให้ดิ๊กทำยังไง ดิ๊กเองก็ลำบากใจ"
ประดิษฐ์ กดตัดสายทิ้ง มาลินีขัดใจ ทั้งกลุ้มทั้งโกรธ แล้วรีบร้อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯด้วยรถทัวร์ ขณะที่พวกแม่ปุย กับพินก็ต้องช่วยกันปิดพระลีนวัตร แต่แล้วปทุมก็มาทำให้ เสียเรื่องขณะนำของมาถวายเพลพระลีนวัตรที่วัด
"คู่หมั้นหลวงพี่เขาหนี ตามแฟนเก่าเข้ากรุงเทพฯ สงสัยว่าหลวงพี่หนีมาบวชยังงี้ เขาคงเหงาจิตก็เลยรีเทิร์นกับแฟนเก่าเขา น่ะสิจ๊ะ เขาคงคิดว่าหลวงพี่ไม่มีทางรู้หรอก เพราะมัวมานั่งจำศีลอยู่นี่ไง คนนี้ก็รัก คนโน้นก็ตัดไม่ขาด ผู้หญิงอาไร้ ใจคอโลเลสิ้นดี"
ขณะเดียวกันนั้น มาลินีนั่งกระวนกระวายอยู่ในรถแท็กซี่ พยายามโทร.ติดต่อประดิษฐ์อีกหลายครั้งกว่าเขาจะยอมรับสาย
"คุณประดิษฐ์ ฉันมารับฉลวยกลับบ้าน"
"มาเข้าใจอะไรผิดรึเปลาเนี่ย เขามาของเขาเอง ดิ๊กไม่ได้ ไปขู่บังคับให้เขามาซะหน่อยนะ"
"ถ้างั้นขอฉันคุยกับฉลวยหน่อย ฉันรู้ว่าฉลวยอยู่ใกล้ๆคุณ แถวนั้นแหละ"
"มา มองดิ๊กแง่ร้ายเกินไป เด็กมันออกไปเที่ยวไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้อยู่กับดิ๊กซะหน่อย เท่านี้นะครับ ดิ๊กกำลังยุ่ง" ประดิษฐ์ตัดสายทิ้งอีกตามเคย แล้วเดินกลับไปหาฉลวยที่เลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่อีกทาง
ข้างฝ่ายพระลีนวัตร ร้อนใจจนทนอยู่เฉยไม่ไหว มาพบแม่ปุยถึงบ้าน แต่ถามไปถามมาเรื่องมาลินีเดินทางเข้ากรุงเทพฯไปกับประดิษฐ์ ถึงได้รู้ความจริงจากเฉลาว่ามาลินีไปตามฉลวยกลับบ้านต่างหาก นั่นยิ่งทำให้พระลีนวัตรร้อนใจ ย้อนกลับมาที่วัด ขออนุญาตหลวงพ่อเข้ากรุงเทพฯ


"มันจะไม่เหมาะละมังท่าน ถ้าชาวบ้านชาวช่องเขารู้ว่าท่านเข้ากรุงเทพฯเพราะไปตามคู่หมั้นกลับบ้าน มันไม่ได้หรอก นะท่าน ยังไงมันก็ผิดวินัยสงฆ์ เรื่องทางโลกท่านไม่น่าไปข้องแวะ พระศาสนาจะมัวหมองเปล่าๆ ทำใจให้ว่างเข้าไว้ ยุบหนอ...พองหนอ...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กัมมุนา วัฏฏีโลโก นะท่าน"
"หลวงพ่อครับ ที่ผมจะไปกรุงเทพฯ ผมไม่ได้จะไปตามคู่หมั้นครับ แต่ผมจะไปตามน้องสาวผมต่างหากครับ"
"อ้าว...ไหงเป็นยังงั้นไปได้ล่ะท่าน"
"น้อง สาวคนเล็กของผมหลงผิด หนีออกจากบ้าน โยมแม่ เป็นห่วงจนล้มเจ็บ ผมคงนิ่งดูดายอยู่เฉยไม่ได้หรอกครับหลวงพ่อ ยังไงก็ต้องไปตามน้องสาวกลับมา หลวงพ่อกรุณาอนุญาตผมด้วยเถอะครับ"
"ถ้าเข้าป่าเข้าดงก็คงไม่ยากหรอก แต่นี่ท่านจะธุดงค์ ป่าคอนกรีต...น่าหนักใจแทนท่านจริงๆ เพราะอาบัติมันพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ไม่ว่าท่านจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ"
"ผมจะพยายามดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดที่สุดครับ ไอ้ปื๊ดก็ไปด้วย คงจะช่วยอะไรได้บ้างละครับหลวงพ่อ"
เมื่อ พร้อมแล้ว พระลีนวัตรกับปื๊ดก็ออกเดินทางกันทันที โดยจุดหมายอยู่ที่ห้างดังซึ่งมีโลโก้และสาขาอยู่ข้างถุงที่ฉลวยซื้อเสื้อผ้า ข้าวของกลับมาเมื่อครั้งที่แล้ว ส่วนมาลินี เธอกำลังไปสอบถามพนักงานของคอนโดฯที่ประดิษฐ์พัก แต่ก็คว้าน้ำเหลว พนักงานบอกว่าประดิษฐ์ไม่ได้กลับมานานแล้ว
ตกเย็น พระลีนวัตรกับปื๊ดก็ไปถึงห้างดังแห่งนั้น แต่ก็เหมือนมืดแปดด้าน เดินวนไปเวียนมาจนปื๊ดบ่นอุบ
"หลวงพ่อ ปื๊ดเมื่อย เดินจนขาจะหลุดอยู่แล้ว นั่งพักเหนื่อยก่อนได้ไหม"
"เดินแค่นี้ก็บ่นซะแล้ว อยู่บ้านเรา เห็นเอ็งวิ่งเล่นทั้งวัน ไม่บ่นซักคำ"
"ก็ มันไม่เหมือนกันนี่หลวงพ่อ เดินในกรุงเทพฯต้องคอยระวังคน ระวังรถ อากาศก็เหม็นควันรถ ปื๊ดเวียนหัวไปหมดแล้ว แล้วนี่จะไปตามหาพี่หลวยที่ไหน เดินไปเรื่อยๆอย่างนี้เหรอ หลวงพ่อ"
ในที่สุด พระลีนวัตรก็ต้องพาปื๊ดไปที่วัดแห่งหนึ่งใน ย่านนั้น ขณะที่มาลินีต้องกลับมาที่คอนโดฯของตน เพราะไม่รู้ จะไปตามประดิษฐ์ที่ไหนอีก แต่ไม่ทันจะค่ำ มาลินีก็ต้องตื่นตกใจ เมื่อปื๊ดใช้โทรศัพท์สาธารณะในวัดโทร.เข้ามาที่มือถือของเธอ...

เมื่อรู้ว่าพระลีนวัตรและปื๊ดเข้ามากรุงเทพฯ เช้าวันรุ่งขึ้นมาลินีจึงตามไปที่วัด โดยเตรียมอาหารไปใส่บาตร แล้วก็อยู่รอจนกระทั่งพระลีนวัตรกลับจากบิณฑบาตและฉันเช้าเสร็จ
"ท่านคะ...ฉันไม่สบายใจเลย พอรู้จากปื๊ดว่าท่านตามมากรุงเทพฯ"
"มีเรื่องอะไรทำให้ไม่สบายใจล่ะโยม"
"ท่านกำลังเข้าใจผิด ที่คิดว่าฉันเข้ามากรุงเทพฯกับคุณประดิษฐ์ค่ะ ฉันกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วจริงๆ"
"โยม มาลินี...โยมน่ะแหละเป็นฝ่ายเข้าใจผิด ทีแรกที่ได้ยินคนเขาพูดกันว่าโยมมากรุงเทพฯกับโยมประดิษฐ์ อาตมายอมรับว่าอาตมาก็แปลกใจ แล้วก็รู้สึกไม่ดีอยู่เหมือนกัน แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุและปัจจัย อาตมาถึงได้รู้ความจริงว่า โยมมีเจตนาดีที่จะเข้ามาช่วยตามโยมน้องสาวกลับบ้าน โยมทำใจให้สบายเถอะ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก"
"เรื่องพี่หลวยน่ากังวลกว่าเยอะเลยจ้า" ปื๊ดเสริมขึ้นมา
"ฉันแน่ใจว่าฉลวยต้องอยู่กับนายประดิษฐ์แน่นอนค่ะ เมื่อวานฉันตามไปดูถึงที่พักเขาแล้ว แต่ก็ไม่เจอตัว แถมยังปิดโทรศัพท์หนีอีกด้วย"
"โยมประดิษฐ์เขาคงไม่คิดร้ายกับน้องสาวอาตมาหรอกละมั้ง"
มาลินี สีหน้าลำบากใจ เพราะรู้สันดานประดิษฐ์ดี แต่ไม่อยากพูดให้พระไม่สบายใจ ปื๊ดถามแม่มาว่า เราจะไปตามหาพี่หลวยกันได้ที่ไหน มาลินีบอกว่า เดี๋ยวแม่มาจะกลับไปดูประดิษฐ์ที่คอนโดฯอีกครั้ง...ปื๊ดจะขอไปด้วย แต่มาลินีบอกให้ปื๊ดอยู่ดูแลหลวงพ่อที่นี่ดีกว่า เรื่องฉลวยแม่มาจัดการเอง ยังไงแม่มาก็ต้องหาตัวฉลวยให้เจอแล้วพากลับบ้านเรา
เวลาเดียวกันนั้น ประดิษฐ์พาฉลวยเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งผู้กำกับและทีมงานกำลังตระเตรียมการถ่ายหนัง ฉลวยแต่งตัวสวยหรูดูดี ฉีกยิ้มเป็นปลื้มที่จะได้เป็นนางเอกหนัง แต่พอรู้ว่าเขาจะถ่ายหนังโป๊ และฉลวยก็ต้องถอดเสื้อผ้าด้วย ฉลวยถึงกับปล่อยโฮไม่ยอมเล่น พร้อมกับยกมือไหว้ขอร้องทุกคนปลกๆ แต่ไอ้ตัวเจ้าของหนังที่เป็นเพื่อนกับประดิษฐ์ก็ไม่ยอมเหมือนกัน เอาสัญญาที่ฉลวยเซ็นไว้เมื่อวานมาข่มขู่ ประดิษฐ์เลยต้องดึงฉลวยที่เอาแต่ร้องไห้ออกไปคุยอีกห้อง
ประดิษฐ์พยายามกล่อมฉลวยต่างๆนานา แต่ฉลวยก็ไม่เอาด้วย ร่ำร้องอยากกลับบ้านท่าเดียว
"ทำยังงั้นไม่ได้หรอกครับ ขืนเบี้ยวเขา เขาปรับเงินเป็นล้านๆเลย แถมยังอาจจะต้องติดคุกด้วย"
"พวกคุณหลอกให้หลวยเซ็นชื่อ"
"แหม กล่าวหากันยังงี้มันไม่แรงไปหน่อยเหรอ หลอกอะไรกัน ก็คุณเองอยากเป็นดารา ผมช่วยให้คุณสมหวัง แล้วยังจะไม่รู้จักบุญคุณอีก เอาน่า กลั้นใจถ่ายๆไปเถอะ แป๊บเดียวก็เสร็จ จะได้รับทรัพย์ งานสบายๆแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะคุณหลวย นี่เขาคิดค่าตัวคุณให้เท่านางเอกดังๆเลยนะ ตั้งพันห้า ภาษีก็ไม่ต้องหัก ถ้าอายนักก็หลับตาก็ได้ ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก ผมให้เวลาทำใจห้านาที เดี๋ยวเจอกัน"
ประดิษฐ์ลุกออกไปทันที ฉลวยสะอึกสะอื้นหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ พลันฉลวยก็เหลือบเห็นโทรศัพท์มือถือ ของประดิษฐ์ที่วางลืมไว้ ฉลวยรีบกดไล่เบอร์ดูจนพบเบอร์ ของมาลินี แล้วกดโทร.ออกทันที...มาลินีแปลกใจที่เห็นเบอร์โทร.ของประดิษฐ์ แต่พอกดรับกลายเป็นเสียงฉลวยร้องขอความช่วยเหลือ
อีกครู่ ประดิษฐ์นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือจึงกลับ เข้ามาหยิบมันไป โดยไม่เอะใจอะไรเลย...เมื่อได้เวลาฉลวยต้องเข้าฉาก ซึ่งพระเอกนอนเปลือยอกรออยู่แล้ว ฉลวยร้องไห้แทบเป็นแทบตายก็ไม่มีใครเห็นใจสงสาร ทันใดนั้นเอง มาลินีก็วิ่งพรวดเข้ามาพร้อมปื๊ด
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ" มาลินีออกคำสั่ง ฉลวยในชุดเสื้อคลุม รีบวิ่งเข้ามาหามาลินีด้วยความดีใจ ส่วนประดิษฐ์ตกใจหน้าเสีย ขณะที่ผู้กำกับงุนงงถามมาลินีว่า นี่มันอะไรกัน?
"แฟนผมเองครับพี่แก่" ประดิษฐ์เอ่ยขึ้น
"ใครเป็นแฟนคุณ พูดให้ดีๆนะ ไปฉลวย ไปกับฉัน"
"จะ ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เด็กนั่นยังทำงานไม่เสร็จ" ผู้กำกับประกาศ มาลินีโต้ทันทีว่า ทำเรื่องอุบาทว์เลวทรามแบบนี้ ยังมีหน้าเรียกว่างานอีกเหรอ "แต่น้องเขาเซ็นสัญญาไว้แล้ว ขืนมันไม่ยอมทำงานให้อั๊ว อั๊วจะเรียกตำรวจ"
"ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคน เรียกตำรวจ พวกคุณมันทำมาหากินผิดกฎหมาย ผลิตสื่อลามก แถมยังล่อลวงกักขังหน่วงเหนียวเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะอีกด้วย รับรองได้ติดคุกหัวโตกันทั้งแก๊งแน่ ตำรวจกำลังมาด้วย ฉันเรียก 191 ไปแล้ว พวกคุณก็รู้ว่าตำรวจไทยฉับไวรับใช้ประชาชนขนาดไหน"
พวกกองถ่ายระส่ำระสาย เริ่มสยองขึ้นมาจริงๆ ประดิษฐ์จะโกยออกเป็นคนแรก อ้างกับเพื่อนว่าตนปวดท้องจะไปเข้าห้องน้ำ พูดจบก็วิ่งออกไปทันที แต่ต้องเบรกหัวทิ่ม เพราะพระลีนวัตรก้าวเข้ามาขวางหน้า
"จะรีบไปไหนล่ะโยม อยู่คุยกันก่อนสิ"
ประดิษฐ์หน้าซีด พวกทีมงานนึกว่าพระเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ รีบชี้แจงว่าพวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ถ่ายหนังกันเฉยๆ
"อาตมาเป็นพระจริงๆโยม ไม่ใช่ตำรวจ"
"อ้าว...ปัดโธ่" ผู้กำกับทำท่าฉุนๆ
"ต้องเป็นตำรวจเท่านั้นเหรอ โยมถึงจะกลัว อาตมาว่าสิ่งที่พวกโยมน่าจะกลัวมากกว่าอะไรทั้งนั้นก็คือบาปที่พวกโยมกำลังก่อขึ้นมามากกว่า"
"บาป เบิบอะไรกันหลวงพี่ พวกผมต้องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง งานของพวกผมมันสร้างความสุขชื่นมื่นให้ใครต่อใคร แล้วมันจะเป็นบาปได้ไง มันเป็นงานศิลปะนะหลวงพี่"
"ศิลปะต้องทำให้คนที่ได้เสพเกิดความสุข สงบเกิดสติปัญญา ไม่ใช่งานที่ยั่วยุให้เกิดอารมณ์ให้ต่ำอย่างที่พวกโยมกำลังทำกันอยู่ โยมอย่าเอาคำว่าศิลปะมาอ้างหน่อยเลย แล้วการที่พวกโยมล่อลวงข่มเหงจิตใจคนอื่นอย่างนี้ พวกโยมคิดว่ามันถูกต้องเหมาะสมแล้วงั้นเหรอ พวกโยมนึกถึงจิตใจคนอื่นเขาบ้างไหม"
"เขาอยากเป็นดาราเองนะครับหลวงพี่"
"โยมอย่า ปฏิเสธเลยว่า โยมไม่ได้หลอกลวงเขา บาปกรรมมีจริงนะโยม โยมลองคิดดูเถอะว่าถ้าเรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นกับญาติพี่น้องคนที่โยม รักบ้าง โยมจะรู้สึก
ยังไง...ยังไม่สายเกินไปหรอกนะโยม ถ้าจะกลับตัวกลับใจ คิดซะใหม่เถอะโยม ใช้ความรู้ความสามารถที่พวกโยมมีมาสร้างสรรค์ผลงานที่จะช่วยกันทำให้โลกนี้ น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม คิดแต่สิ่งดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะแซ่ซ้องสรรเสริญ พวกโยมคิดกันดูเถอะนะ ว่าอะไรคือความสุขแท้ ของชีวิตกันแน่"
ผู้กำกับและทีมงานซึ้งจิต สงบปากสงบคำลง ประดิษฐ์ ฉวยจังหวะนี้วิ่งหนีออกมาหน้าบ้าน เปิดประตูรถจะขึ้น แต่ยังไม่ทันจะปิดประตู มาลินีเอื้อมมือมาดึงกุญแจรถออกไป
"คิดจะหนีงั้นเหรอ"
"ดิ๊กไม่ได้ทำ อะไรผิด ทำไมดิ๊กต้องหนีด้วย ยัยหลวยมันคันขอตามดิ๊กมากรุงเทพฯเอง ช่วยไม่ได้ แล้วเรื่องเล่นหนัง นี่ดิ๊กก็ไม่เกี่ยว มันโง่ไปเซ็นสัญญาของมันเอง ไม่เชื่อก็ถามเด็กมันดูซิ"
"มาถึงขนาดนี้ แล้วยังกล้าพูดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดอีกเหรอ ลูกผู้ชายจริงๆเลยนะคุณ" มาลินีด่านิ่มๆ แล้วเดินกลับเข้าบ้านทันที ปรากฏว่าข้างในนั้น ทีมงานทั้งหมดนั่งพนมมือซาบซึ้งในรสพระธรรมของพระลีนวัตร ฉลวยเองก็ก้มกราบขอโทษหลวงพี่ที่ตัวเองทำให้ทุกคนพลอยลำบาก
"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เรื่องแย่ๆที่มันเกิดขึ้น ก็ถือว่ามันเป็นบทเรียนสำหรับชีวิตก็แล้วกัน"
"หลวย คิดถึงแม่ หลวยอยากกลับบ้านเราที่สุดเลยจ้ะ" ฉลวยร้องไห้กระซิก มาลินีขยับมากอดปลอบฉลวย จากนั้นมาลินีก็พาพระลีนวัตร ปื๊ด และฉลวยกลับบ้านด้วยรถยนต์ ของเธอ
แม่ปุยดีใจ โล่งใจเมื่อเห็นฉลวยกลับมาอย่างปลอดภัย สองแม่ลูกกอดกันทั้งน้ำตา
"เอ็งไม่เป็นไรใช่ไหม แม่ใจคอไม่ดีเลยลูกเอ๊ย ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ แม่จะขาดใจตายรู้ไหม"
"หนู ขอโทษจ้ะแม่ หนูมันอวดดี ไม่ยอมฟังแม่ ไม่เชื่อหลวงพี่ หนูเสียใจ หนูจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว แม่ยกโทษให้หนูด้วยนะ" แม่ปุยพยักหน้ารับ และเช็ดน้ำตาให้ลูก "หนูรู้แล้วว่าไม่มีที่ไหนจะสุขสบายแล้วก็ปลอดภัยเท่าบ้านเราอีกแล้วจ้ะแม่"
พระลีนวัตรยิ้มพอใจที่น้องได้คิด ฝ่ายมาลินีก็โล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก
"ขอบใจนะโยมที่ช่วยเป็นธุระให้ ถ้าไม่ได้โยม อาตมาก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องจะจบลงยังไง"
"ฉลวยก็เหมือนน้องสาวของฉันคนนึงค่ะท่าน ยังไง ฉันก็ต้องดูแลแกเต็มที่"
"กรุงเทพฯนี่มีแต่คนไม่ดีนะจ๊ะแม่มา"
"พูด อย่างนั้นก็ไม่ถูกหรอกนะจ๊ะปื๊ด ทุกที่มีทั้งคนดี คนเลวอยู่ปะปนกันทั้งนั้นแหละ มันอยู่ที่เราต่างหากที่ต้องรู้ให้เท่าทัน ต้องมีสติแยกให้ออกว่าอะไรดีอะไรเลว ใครควรคบหรือไม่ควรคบ ที่ไหนควรไปหรือไม่ควรไปมากกว่า"
"แล้วอย่างคุณประดิษฐ์นี่เป็นคนไม่ควรคบอีกต่อไปแล้วใช่ไหมจ๊ะแม่มา"
มาลินีรู้สึกโดนใจกับคำถามของปื๊ด พระลีนวัตรมองออก ปรามปื๊ดว่าถามอะไรอย่างนั้น โยมเขาจะอึดอัดใจ เปล่าๆ
"ไม่หรอกค่ะท่าน คนอย่างประดิษฐ์ฉันถือว่าเขาเป็นครูคนนึงของฉันค่ะ"
"เป็นครูได้ยังไงจ๊ะแม่มา คนนิสัยไม่ดียังงั้น" ปื๊ดท้วง
"ก็เขาได้ทำนิสัยไม่ดีให้เราได้เห็น ให้เราได้รู้ว่ามันน่ารังเกียจขนาดไหน เราจะได้ไม่ทำอย่างเขาไงจ๊ะปื๊ด"
"อ้อ ปื๊ดเข้าใจแล้วจ้า...หลวงพ่อยิ้มอะไรจ๊ะ"
"เป็นพระไม่ได้ห้ามยิ้มซะหน่อยนี่หว่า"
"แล้วเป็นพระพูดหว่าได้ด้วยเหรอจ๊ะ"
พระลีนวัตรเก้อเพราะจนมุมเจ้าปื๊ดเข้าแล้ว มาลินีเห็นภาพความน่ารักของทั้งคู่แล้วก็อดขำไม่ได้


ooooooo


หลัง จากผิดแผนจนได้เสียกับประดิษฐ์โดยที่พ่อไม่รู้ เช้าวันนี้ปทุมมีอาการโอ้กอ้ากจนพ่อตั้งข้อสังเกตว่าเหมือนอาการคนท้อง จากนั้นก็พาลูกสาวไปตรวจให้แน่ใจ ซึ่งผลออกมาว่าปทุมท้องจริงๆ
ออกจาก โรงพยาบาล ผู้ใหญ่โหมดก็พาปทุมไปพบแม่ปุยที่บ้านพร้อมกับหลักฐานการตรวจจากหมอเพื่อ เป็นการยืนยันว่าปทุมท้องจริง แม่ปุยตกใจแทบช็อก ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่โหมดมาบอกจะเป็นความจริง ขณะที่ปทุมก็เอาแต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรสักคำ แถมยังก้มหน้า ก้มตาตลอดเวลา
มาลินีเองพอรู้ข่าวนี้ก็นิ่งอึ้งไปหลายนาที กว่าจะบอกกับพินได้ว่าไม่จริง ฉันไม่เชื่อ...
"โธ่ คุณ...คนเขารู้กันไปทั้งคลองหมาหอนแล้ว แม่ปุยน่ะน่าสงสาร เป็นลมหลายตลบ เพราะไอ้หน้าบากโหมดน่ะมันประกาศว่าเป็นตายยังไงมันก็ต้องสึกพระให้ออก มารับผิดชอบลูกสาวมันให้ได้วันนี้แหละค่ะ" มาลินีอื้ออึ้งพูดไม่ออก "ทีแรกพินก็ไม่เชื่อเหมือนกันนะคะคุณ แต่เขาว่าไอ้โหมดมันมีหลักฐาน ไม่ต้องรอตรวจดีเอ็นเอให้เสียเวลาหรอก โถ...พระคุณเจ้าของพิน นี่คงจะไปพลาดท่าอีนังบ้านั่นตั้งแต่ก่อนบวช...ไม่น่าเลย...อ้าว แล้วนั่นคุณมาจะไปไหนคะ"
"ฉันเองก็ต้องการรู้ความจริงเหมือนกัน"
"ความจริงจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันเถอะค่ะคุณ คุณเป็นคู่หมั้นคู่หมายของท่าน แต่อีนังนั่นมันแค่ดอกไม้ริมทาง ไม่เห็นต้องไปสนใจมันเลย"
"พูด ยังงั้นมันก็ไม่ถูกหรอกนะพิน อะไรมันก็ไม่สำคัญเท่าความรับผิดชอบ ถ้าเขามีอะไรกันจนเด็กเกิดขึ้นมาแล้วยังงี้ ยังไงท่านก็ต้องรับผิดชอบ ชีวิตเด็กคนนึงสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้นนะพิน"
จากนั้นมาลินีรีบไปสมทบกับคน อื่นๆที่วัด ซึ่งกำลังรอดูหลักฐานสำคัญของผู้ใหญ่โหมดที่ต้องการจะสึกพระลีนวัตรเพื่อให้ มารับผิดชอบต่อปทุมและเด็กในท้อง แต่พอคลิปวีดิโอที่ทองใบเป็นคนถ่ายถูกเปิดเผยออกมาผ่านจอโทรทัศน์ ท่ามกลางสายตาผู้เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ผู้ใหญ่โหมดและปทุมถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม รีบสั่งทองใบปิดเดี๋ยวนี้...แล้วครู่ต่อมา ประดิษฐ์ที่ยังอยู่กรุงเทพฯก็ได้รับการติดต่อจากมาลินีให้รีบเดินทางมา สุพรรณฯ ประดิษฐ์ หลงดีใจว่ามาลินีให้อภัย เข้าใจในตัวเขาแล้ว จึงแทบจะบินมาทันที แต่แล้วเมื่อมาถึงบ้านมาลินี ประดิษฐ์ก็เจอแข้งของผู้ใหญ่โหมดเข้าเต็มๆ ตามด้วยบาทาของสมุนผู้ใหญ่โหมดอีกชุด และถ้าปทุมไม่เข้าห้ามไว้ ประดิษฐ์อาจบาดเจ็บถึงขั้นคางเหลือง ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวัน
หลัง ชำระความกับลูกเขยที่ได้มาแบบไม่เต็มใจ... ผู้ใหญ่โหมดและปทุมก็พากันไปกราบขอโทษพระลีนวัตร พร้อมกันนี้ก็รับฟังท่านเทศน์ธรรมะดีๆ ทำให้ได้คิดกลับตัว กลับใจเป็นคนดีมีศีลธรรมกับเขาบ้าง
พินกับทองใบหวนกลับมาคืนดีกัน เพราะไม่ว่าพินจะตั้งเงื่อนไข หรือข้อแม้อะไรที่ทองใบต้องปรับปรุงตัวหลายอย่าง ทองใบก็รับได้หมด ขณะที่คู่ของเหว่ากับเฉลาก็ชื่นมื่นไม่แพ้ใคร เหว่าพากเพียรจนเรียนจบ กศน. แล้วยังคิดจะเรียนต่อปริญญาตรีเอาให้โก้เหมือนผู้ใหญ่ลี จากนั้นค่อยคิด เรื่องแต่งงานกับเฉลา...ส่วนฉลวยก็มุ่งมั่นไปสอบเข้ามหา-วิทยาลัยในจังหวัด เป็นผลสำเร็จ ยังความชื่นใจให้กับแม่ปุยนักหนา
ขณะที่ใครต่อใครเขามีความ สุข แต่คนที่กำลังทุกข์หนักก็คือประดิษฐ์ ประดิษฐ์ต้องรับผิดชอบปทุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมยังถูกสองพ่อลูกโขกสับใช้งานสารพัด ราวกับข้าทาสก็ไม่ปาน...


อยู่ มาวันหนึ่ง มาลินีใจคอไม่ดีเมื่อไม่เห็นพระลีนวัตรออกบิณฑบาต เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินว่าท่านอาจจะออกธุดงค์กับหลวงพ่อ ครั้นมาลินีไปสอบถามจากพระลูกวัด และรู้ว่าหลวงพ่อท่านออกธุดงค์ไปแล้ว มาลินีรู้สึกใจแป้ว กลับออกมาด้วยความน้อยใจที่พระลีนวัตรไปโดยไม่บอกกล่าว
แต่ สิ่งที่มาลินีคิดนั้นผิดถนัด ลีนวัตรแอบสึกโดยไม่บอกเธอต่างหาก กระทั่งเธอเดินมาพบเขากลางทุ่งนาในสภาพของหุ่นไล่กา มาลินีหาว่าลีนวัตรเจ้าเล่ห์ ชอบแกล้งเธอนัก ลีนวัตรยิ้มกริ่ม ย้อนถามเธอว่า "ผมไปแกล้งอะไรคุณมาครับ"
"อย่างนี้ยังไม่เรียกว่าแกล้งอีกเหรอ แล้วยังหลอกคนอื่นเขาอีกว่าออกธุดงค์ไปกับหลวงพ่อแล้ว"
"ไม่แกล้งแล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าคุณมารักผมแค่ไหน"
"คนบ้า...พูดออกมาได้ไม่อายปาก"
"หลวงพ่อสึกให้ผมตั้งแต่เมื่อวานแล้วก่อนท่านออกธุดงค์ครับ"
เมื่อ ถูกเธอถามว่า ทำไมไม่ธุดงค์ตามหลวงพ่อไป ลีนวัตรก็ตอบยิ้มๆว่า หลวงพ่อท่านห้ามไว้ เพราะท่านรู้ว่าทิดลีนวัตรอยากแต่งเมียจนจะทนไม่ไหวแล้ว มาลินีเขินอาย แต่ก็ยอมให้เขารวบตัวมากอดโดยดี หลังจากนั้นไม่นานสองคน ก็แต่งงานสร้างครอบครัวใหม่ มาลินีใช้ชีวิตชาวนาด้วยความเต็มใจ และรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้ลงมือทำนาเองทุกขั้นตอน โดยมีลีนวัตรเป็นผู้นำและอยู่เคียงข้างกันเสมอ
"ฉันภูมิใจจังเลย ทุกอย่างที่เห็นมันมาจากน้ำพักน้ำแรงของเราแท้ๆ ขอบคุณนะคะผู้ใหญ่ลี"
"ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับคุณมา"
"ฉัน ภูมิใจที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินผืนนี้ แล้วก็ภูมิใจที่สุดที่จะบอกใครต่อใครว่าฉันเป็นชาวนา เป็นคนทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เพื่อปลูกข้าวเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนทั้งโลกนี้ค่ะ"
"ผมก็ต้องขอบคุณคุณมาเหมือนกันครับ"
"ไม่ต้องพูดแล้ว พูดอยู่ทุกวัน ฟังจนเบื่อแล้วค่ะ"
"แต่ผมไม่เบื่อที่จะพูดนี่ครับ ว่าผมรักคุณมา...รักคุณมา...รักคุณมา..."
มาลินีหัวเราะสดใส...สองคนผัวเมียหยอกล้อกันไป ทำงานกันไปอย่างมีความสุข


อวสาน

พวกลีนวัตรและชาวบ้านใช้เวลาหลายวันในการลงแขกเกี่ยวข้าวกว่า จะมาถึงคิวสุดท้ายคือนาของมาลินี แต่ทุกคนก็ยังทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ พินเองก็ทำอาหารสุดฝีมือเลี้ยงทุกคน ขณะที่ทองใบยังคงป้วนเปี้ยนจะขอคืนดีกับพินให้ได้ แต่พินก็ไม่ใจอ่อน ทั้งด่าทั้งแช่งจนทองใบอับอายต้องเดินหนีออกไป
ขณะทุกคนพักกินข้าวกลาง วัน ปทุมก็เสนอหน้าเข้ามาพร้อมถุงเป็ดพะโล้ เข้ามานั่งแทรกระหว่างลีนวัตรกับมาลินี อวดตัวว่าเป็นแฟนลีนวัตร ซื้อของดีราคาแพงมาให้แฟนกิน มาลินีไม่ชอบใจแต่เก็บอาการ ลุกหนีไปอีกมุม ลีนวัตรมองออกจึงผละจากปทุมไปอีกคน ปทุมมองตามตาขวาง แล้วก็แทบคลั่ง เมื่อหันกลับมาเห็นเป็ดพะโล้เสร็จไอ้ปื๊ดเสียแล้ว
ผู้ใหญ่โหมดมากับปทุม ด้วย แต่แยกไปหาทองใบที่นั่งคอตกอยู่มุมหนึ่ง ทองใบเห็นเจ้าหนี้เข้าก็ยิ่งหน้าซีด รีบยกมือไหว้พินอบพิเทา "สวัสดีจ้ะ ผู้ใหญ่โหมด"
"เออ...เอ็งหลบหน้าหลบตาข้ามาเป็นเดือนแล้ว ดอกก็ไม่ส่ง ต้นก็ไม่คืน จะเอายังไงวะ"
ทอง ใบขอเวลาอีกนิดหนึ่ง รับรองไม่เบี้ยวผู้ใหญ่แน่ ผู้ใหญ่โหมดจึงยื่นคำขาดว่า ถ้าอาทิตย์หน้าไม่มีให้ก็จะยึดนา ทองใบโอดโอยขอความเห็นใจ ถ้ายึดนาแล้วตนจะเอาอะไรทำกิน
"เรื่องของเอ็ง"
"ฉันกราบละจ้ะ นึกซะว่าทำบุญทำทานลูกนกลูกกาตาดำๆ ผู้ใหญ่จะใช้งานฉันทำอะไร พอขัดหนี้ได้บ้างก็บอกแล้วเถอะจ้ะ อย่าเพิ่งยึดนาฉันเลย"
"ถุย หน้าอย่างเอ็งจะทำอะไรให้ข้าได้วะ"
"โธ่...ผู้ใหญ่ อย่าเพิ่งดูถูกกันสิ งานอะไรก็ได้ฉันพร้อมจะมอบกายถวายชีวิตให้ผู้ใหญ่นะจ๊ะ"
"มอบกายถวายชีวิตเลยเหรอวะไอ้ทองใบ"
ทองใบพยักหน้าหงึกหงัก ประจบประแจงสุดฤทธิ์ ผู้ใหญ่โหมดยิ้มกริ่มมีแผน
ooooooo
หลัง เสร็จสิ้นการเกี่ยวข้าว อยู่ดีๆลีนวัตรก็ไม่สบาย กินข้าวกินปลาไม่ค่อยลงจนแม่ปุยบ่นเป็นห่วง แต่แม่ปุยหารู้ไม่ว่ามันเป็นแผนบางอย่างของลีนวัตร ซึ่งงานนี้ปื๊ดก็สมรู้ร่วมคิดด้วย...เมื่อปื๊ดไปส่งข่าวมาลินีว่าพ่อของตน ไม่สบาย นอนซมหน้าซีด ข้าวปลาไม่ยอมกิน ตาลอยมองแต่จิ้งจกบนฝาบ้าน มาลินีอดตกใจไม่ได้
"ตายจริง แล้วไปหาหมอรึยัง"
"พ่อไม่ยอมไปจ้ะ ปื๊ดได้ยินพ่อบ่นๆคนเดียวว่าอยากตาย"
"อะไรกัน เป็นอะไรนักหนาถึงได้บ่นอย่างนั้น"
"พ่อคงทรมานมากน่ะจ้ะแม่มา"
"ฉันจะช่วยอะไรได้บ้างเนี่ย"
"แค่แม่มาโผล่ไปให้พ่อแกเห็นหน้า เอ๊ย แค่แม่มาไปเยี่ยมหน่อย พ่อแกก็คงจะดีขึ้นเองล่ะจ้ะ"
และ แล้วมาลินีก็ตามปื๊ดมาถึงบ้านด้วยอาการร้อนอกร้อนใจ เห็นลีนวัตรนอนหมดอาลัยตายอยาก มือก่ายหน้าผากราวกับคนทุกข์หนัก เธอสงสัยว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ ปื๊ดบอกว่าเป็นหลายอย่างจนน่าเป็นห่วง ลีนวัตรยอมรับว่าเป็นหลายอย่าง แต่อาการมันหลบอยู่ในหัวใจ และหมอคนไหนก็รักษาไม่หาย โรคนี้มีหมอผู้หญิงรักษาได้อยู่คนเดียว
ลี นวัตรพูดอ้อมค้อมอยู่นานจนได้เรื่อง เพราะมาลินีเกิดเข้าใจผิดคิดว่าหมอผู้หญิงที่ลีนวัตรพูดถึงคือปทุม เธอจึงลุกพรวดบอกลา และว่าจะไปตามหมอปทุมมาให้ ลีนวัตรถึงกับลนลานร้องเรียก แต่มาลินีงอนตุ๊บป่อง เดินลิ่วไปไม่ฟังเสียง
"โธ่...ไอ้ลี ไอ้บ้า ไอ้โง่ ท่าเยอะไปหน่อย อดเลย
เห็นไหมล่ะ" ลีนวัตรด่าตัวเองอย่างหงุดหงิด
พิน เห็นมาลินีกลับเร็วแท้ ทั้งที่บอกว่าไปเยี่ยมคนป่วย พอถามกันไปมา พินก็มั่นใจว่ามาลินีเข้าใจผิดอย่างแรง คนอย่างปทุมไม่มีทางทำให้ลีนวัตรเป็นอะไรแบบนี้แน่
"ผู้ใหญ่ลีนี่เชิงแกอ่อนซะจริงจริ๊ง ต้องให้อีพินติวเข้ม ให้ซะละมัง" พินบ่นงึมงำทันทีที่มาลินีคล้อยหลังออกไป...
เมื่อ แผนที่หนึ่งไม่ได้ผล ลีนวัตรจำเป็นต้องเริ่มแผนสอง...แม่ปุยตกอกตกใจ เมื่อจู่ๆลีนวัตรมาบอกว่าจะไปเรียนต่อปริญญาเอกที่เมืองนอกสักห้าหกปี
"โอย...ห้าหกปี ผู้ใหญ่จะทิ้งบ้านทิ้งนาไปได้ยังไง ไม่ สงสารแม่รึไง อย่าไปเลย"
"แต่หนูตัดสินใจแล้วนะจ๊ะแม่"
"ผู้ใหญ่ไม่สงสารแม่รึไง แม่แก่ขนาดนี้แล้ว จะให้ลงไปทำนาไหวยังไง"
"ไอ้เหว่ามันก็อยู่ มันคงเป็นเรี่ยวแรงให้แม่ได้อยู่หรอก"
"ยัง ไงมันก็ไม่เหมือนกัน อย่าไปเลยนะผู้ใหญ่ แม่ ขอร้อง ได้เป็นด็อกเตอร์มันก็ดี แต่ถ้าต้องทิ้งบ้านทิ้งนาไปตั้งหลายปียังงี้ แม่ว่าแม่ไม่เอาดีกว่า ผู้ใหญ่เป็นหลักของบ้าน ไม่อยู่ ซะคน น้องนุ่งมันจะอยู่กันยังไง แม่น่ะไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ต้องอยู่ให้ได้ จะทุกข์หน่อยก็เพราะต้องทนคิดถึงลูกเป็นปีๆน่ะแหละ อย่าไปเลยนะผู้ใหญ่นะ"
"ถ้าแม่ไม่อยากให้หนูไป มันก็คงมีอยู่ทางเดียวแหละจ้ะ"
"ผู้ใหญ่จะให้แม่ทำอะไรยังไง บอกแม่มาเถอะ แม่จะทำให้ทุกอย่าง"
"แม่ช่วยไปขอเมียให้หนูหน่อยได้ไหมล่ะ"
"ขอเมีย?" แม่ปุยอุทาน แล้วค่อยๆแย้มยิ้มอย่างรู้ทันแผนของลูกชายตัวดี แต่ก็ยังทำเล่นตัว จนลีนวัตรต้องตามเซ้าซี้
"นะแม่นะ...แม่ทำเฉยยังงี้แปลว่าแม่อยากจะเสือกไสไล่ส่งหนูให้ไปไกลๆใช่ไหม"
"ตั้งแต่เกิดมานี่ผู้ใหญ่ไม่เคยมาตั้งข้อแม้กับแม่ยังงี้"
"แหม แม่...แล้วแม่ไม่อยากให้คุณมาเป็นลูกสะใภ้รึไง" แม่ปุยตอบทันทีว่าอยาก "งั้นแม่ก็ไปเป็นเถ้าแก่ให้หนูหน่อยสิ ไปเดี๋ยวนี้เลยนะแม่นะ"
"จะบ้ารึ ผู้ใหญ่ เรื่องแบบนี้มันเรื่องสำคัญนะ จะปุ๊บปั๊บไปเหมือนไปซื้อของที่ตลาดได้ยังไง มันต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัว เตรียมว่าจะไปพูดยังไง ทะเล่อทะล่าเข้าไปไม่ดูตาม้าตาเรือ เกิดคุณมาแกปฏิเสธขึ้นมาจะทำยังไง"
"ถ้าแม่ไปพูดคุณมาไม่ปฏิเสธหรอกจ้ะ"
"รู้ได้ยังไง"
"รู้ก็แล้วกัน"
"ผู้ใหญ่ นี่เอาแต่ได้ แม่ไม่คุยด้วยแล้ว" ลีนวัตรงอนหน้าม่อย แม่ปุยเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ "เอาไว้ให้แม่ไปขอฤกษ์ท่านก่อน ได้ฤกษ์แล้วค่อยว่ากัน"
"แม่ไม่ต้องไปขอหรอก หนูไปขอมาแล้ว ฤกษ์ดีที่สุดน่ะต้องเป็นวันนี้เท่านั้น"
"โม้..."
"โธ่แม่...ต่อให้ไปถามหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ต้องบอกเหมือนหนูนี่แหละ ฤกษ์ที่ดีที่สุดก็คือฤกษ์สะดวกไงแม่"
แม่ ปุยถอนใจ จนมุมลีนวัตรทุกประตู จากนั้นไม่นาน แม่ปุยก็แต่งตัวสวยเป็นพิเศษโผล่ไปที่บ้านมาลินีพร้อมกับลีนวัตร พินต้อนรับขับสู้สองแม่ลูก ก่อนจะร้องบอกมาลินีที่อยู่ในบ้านว่า แม่ปุยกับผู้ใหญ่ลีมาหา...มาลินีลงมานั่งตรงหน้าสองแม่ลูก แต่ยังวางท่าปึ่งใส่ลีนวัตรเล็กน้อย ไม่ทันที่แม่ปุยจะเริ่มต้นเจรจา ลีนวัตรก็ออกอาการประหม่าบิดไปบิดมา เกาแขนเกาขา จนพินสงสัยว่าเขาถูกยุงกัดหรือเห็บเกาะ
"คงทั้งยุงทั้งเห็บนั่นแหละ เป็นยังงี้มาตั้งแต่กลางวันแล้ว"
"แม่ น่ะ" ลีนวัตรงอนและอาย ลุกออกไปทันที ขณะที่ พินยังเสนอหน้า ทั้งที่แม่ปุยบอกว่ามีธุระสำคัญจะคุยกับมาลินี แถมพินยังคาดเดาด้วยว่าเรื่องสำคัญของแม่ปุยคงเป็นเลขเด็ดแน่ๆ
"แม่พินนี่เดาอะไรเก่งเหมือนกันนี่" แม่ปุยอ้อมแอ้มชม ทั้งในใจนึกด่า
"คืนก่อนฉันเพิ่งฝันดี เปิดตำราดูเขาว่าจะได้ลาภจากสัตว์สองเท้า ไม่คิดเล้ยว่าสัตว์สองเท้าจะเป็นแม่ปุยนี่เอง"
"แต่เขาว่าลาภอย่างนี้น่ะ เขาไม่ให้บอกกันตรงๆหรอก เดี๋ยวมันจะไม่ขลังไม่ใช่เหรอ"
"นั่นสิ งั้นฉันออกไปก่อนดีกว่านะ แม่ปุยจะเขียนฝากไว้ที่คุณมาก็ได้ ฉันจะทำเป็นไม่รู้เรื่องดีมั้ย"
แม่ ปุยพยักพเยิด พินเลยดี๊ด๊าออกไป ขณะเดียวกันนั้น ลีนวัตรชะเง้อคอยาวมองลุ้นเข้าไปในบ้าน ประดิษฐ์เดินมาจากทางบ้านพัก ลีนวัตรเห็นประดิษฐ์ก่อน จึงคว้าก้อนหินเขวี้ยงใส่หลังประดิษฐ์เพื่อไม่ให้เข้าไปขัดจังหวะการสู่ขอ มาลินี ประดิษฐ์ทั้งตกใจทั้งเจ็บ เหลียวมองรอบตัวแต่ไม่เห็นใครสักคน จึงโวยวายเสียงดัง พินเลยโผล่ออกมาถามว่าเอะอะอะไร
ประดิษฐ์ยืนยันว่าเขา ถูกเขวี้ยงด้วยก้อนหินที่กลางหลัง แต่พินมองสำรวจก็ไม่เจอใคร จึงนึกไปถึงผีคุณนายวัน ท่าทางจะเฮี้ยนเสียแล้ว เท่านั้นเองประดิษฐ์ก็เผ่นแน่บกลับบ้านพักไปเลย
ส่วนในบ้าน มาลินีเอาแต่นั่งก้มหน้า ไม่เคยเขินอะไรเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย

"ป้าคนบ้านนอก จะให้พูดสละสลวยเหมือนคนกรุงเทพฯก็พูดไม่เป“นหรอกค่ะ ได้แต่พูดตรงๆอย่างนี้ คุณจะว่ายังไงคะ"
"ผู้ใหญ่ลีเขาวานให้ป้ามาช่วยพูดเหรอคะ ทำไมเขา ไม่มาพูดเองล่ะคะ"
"มัน เป“นธรรมเนียมนี่คะคุณ อันที่จริงป้าอยากพูดกับคุณยายของคุณด้วยซ้ำไป แต่ท่านก็ไม่อยู่ให้พูดด้วยเสียแล้ว ป้าก็เลยต้องพูดกับคุณตรงๆ ผู้ใหญ่น่ะเขาถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ แถมยังขู่ป้าด้วยว่าถ้าไม่ได้แต่งงานกับคุณ เขาจะไป เรียนต่อเมืองนอก ให้เป“นด็อกต้งด็อกเตอร์อะไรอีกตั้งห้าหกป• จะทิ้งแม่ทิ้งน้องทิ้งบ้านทิ้งนาเลยนะคะคุณ คิดดูก็แล้วกันว่าเตรียมตัวประชดชีวิตซะขนาดนี้ แปลว่าเขารักคุณขนาดไหน"
"คนบ้า...บ้าที่สุดเลย" มาลินีเอียงอายหน้าแดง
"ป้า มาพูดแทนลูกชายของป้าก็จริง แต่ลูกชายป้าเขาเป“นคนยังไงคุณก็คงเห็นแจ้งกับตากับใจคุณเองแล้ว คุณจะรับหรือจะปฏิเสธก็ได้ สุดแท้แต่คุณทั้งนั้น แต่ในฐานะคนเป“นแม่ของลูกชายคนนึง ป้าดีใจและถือเป“นเกียรติอันสูงสุด ถ้าป้าจะได้คุณมาเป“นลูกสาวอีกคนนึงค่ะ"
"คุณป้า...หนูต่างหากล่ะคะที่ ได้รับเกียรติอันสูงสุด" มาลินีพนมมือขึ้นไหว้แล้วกราบลงบนตักแม่ปุยด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ แม่ปุยเองก็ยิ้มแย้ม รู้สึกไม่ต่างไปจากกัน ลูบหัวมาลินีอย่างเอ็นดู
"นี่แปลว่าตกลงใช่ไหมคะ"
มาลินี อายจนไม่กล้าสบตา ถามแม่ปุยว่าหนูต้องทำยังไงบ้าง แม่ปุยบอกว่าไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ต่อไปนี้เรียกแม่ แทนป้า ส่วนมาลินีเองก็ขอให้แม่ปุยเลิกเรียกเธอว่าคุณมา
"แล้วจะให้แม่เรียกยังไง เรียกแม่มาเหมือนที่ไอ้ป—๊ดมันเรียกดีไหม"
"ค่ะ...แม่"
แม่ปุยฉีกยิ้มชื่นใจ ดึงตัวมาลินีเข้ามากอด
ooooooo
ทันที ที่เห็นแม่ปุยเดินออกมาจากบ้าน ลีนวัตรก็โผล่ออกจากที่ซ่อนหลังต้นไม้ แม่ปุยเจรจาสู่ขอมาลินีสำเร็จ แต่แกล้งตีหน้าเศร้าอำลูกชายซะจนหน้าซีดหน้าเสียว่ามาลินีไม่ยอมรับหมั้น พอลีนวัตรรู้ความจริง ก็กระดี๊กระด๊าดีใจกระโดดตัวลอย ทั้งกอดทั้งหอมแม่ปุยยกใหญ่ และรับปากจะบวชเรียนให้แม่ได้เห็นชายผ้าเหลืองก่อนที่เขาจะแต่งงานมีครอบ ครัว
ปทุมทำใจไม่ได้เมื่อรู้ข่าวการหมั้นหมายของมาลินีกับลีนวัตร ขณะที่ผู้ใหญ่โหมดก็ขุ่นเคืองใจไม่น้อยเหมือนกัน ปทุมบอกพ่อว่าเป“นตายยังไงเธอก็ไม่ยอมให้นังหน้าลิงนั่นมาแย่งผู้ใหญ่ลีของ เธอ และพ่อก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เธอด้วย
"เออ รู้แล้ว ข้ากำลังใช้ความคิดอยู่โว้ย แล้วมันจะหมั้นกันเมื่อไหร่ไอ้ทองใบ"
"แหล่ง ข่าวรายงานว่าไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่ก็คงจะเร็วที่สุดละจ้ะ เพราะสองคนนั่นรักกันเหลือเกิน รักกันดูดดื่ม รักกัน จนไม่รู้จะรักกันยังไงแล้ว"
ปทุมสุดบาดหูบาดใจ หลับหูหลับตากรี๊ดอย่างทนไม่ได้ ผู้ใหญ่โหมดกับทองใบพากันสะดุ้ง ขี้หูแทบร่วง
"เอ็งใจเย็นๆนังทุม งานนี้มันต้องมีแตกหักกันไปข้างนึงแน่ๆโว้ย"
ส่วน อีกคนที่ฟูมฟายไม่แพ้ปทุมก็คือประดิษฐ์ เขาเดินต้อนหน้าต้อนหลังต่อว่ามาลินีเป“นวักเป“นเวน "มา...ทำไมมาทำกับดิ๊กได้ลงคอ คำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่กันมันไม่มีความหมายอะไรแล้วใช่ไหม มาถึงได้ทำอย่างนี้"
"ฉันว่าความจำฉันไม่ได้เสื่อมนะ ฉันไม่เคยสัญญาอะไรกับคุณ คุณต่างหากที่สัญญาสาบานอะไรต่ออะไรสารพัด แต่ก็ไม่เคยทำได้เลยซักอย่าง"
"ไอ้ ผู้ใหญ่ลีนั่นมันมีดีอะไร มันก็แค่ไอ้ผู้ใหญ่บ้าน บ้านนอกกระจอกๆ พูดก็เหน่อ แต่งเนื้อแต่งตัวก็เสร่อ ตะป•ตะชาติ เคยเห็นกรุงเทพฯซักกี่ครั้งก็ไม่รู้ มาจะไปเป“นเมียมัน ไม่อายคนอื่นเขารึไง"
"ทำไมฉันจะต้องอายล่ะ ในเมื่อฉันมั่นใจว่าเขาเป“นคนดี แล้วก็ปกป้องคุ้มครองฉันได้ คุณดิ๊ก...คุณค่าของความเป“นคนน่ะนะ เขาไม่ได้ดูกันที่รูปร่างหน้าตา แต่งตัวยังไง หรือแม้แต่ พูดภาษาอะไรหรอก วันนี้คุณอาจจะคิดอย่างนั้น แต่สักวันคุณคงจะเข้าใจเอง"
"ดิ๊กจะไม่ยอมให้มากับมันได้แต่งงานกันหรอก"
"ฉัน เคยมีความรู้สึกดีๆให้กับคุณ ถึงวันนี้ก็ยังพอมีอยู่บ้างในฐานะเพื่อน อย่าให้ฉันต้องรู้สึกแย่กับคุณไปกว่านี้เลยดีกว่านะคะ" พูดจบมาลินีก็เดินหลบเข้าในบ้าน ประดิษฐ์ ได้แต่มองตามอย่างสุดช้ำ
แต่คน ที่กำลังสุขสุดๆในยามนี้เห็นจะเป“นลีนวัตร พอกลับถึงบ้านพร้อมแม่ปุย ลีนวัตรก็จัดแจงขอแหวนหมั้นที่พ่อเคยใช้หมั้นแม่ ซึ่งไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรนัก แต่เป•่ยมไปด้วยคุณค่าทางจิตใจ เพราะมันคือสิ่งแทนความรักที่พ่อกับแม่มีให้แก่กัน
หลังจากถูกมาลินีตัด เยื่อขาดใยอย่างสิ้นเชิง ประดิษฐ์ ทั้งเจ็บทั้งแค้น ไปร่วมมือกับผู้ใหญ่โหมดและปทุมเพื่อขัดขวางการหมั้นระหว่างมาลินีกับลี นวัตรให้จงได้ ผู้ใหญ่โหมดวางแผนให้ปทุมกับประดิษฐ์รวบหัวรวบหางคนรักของตัวเอง โดยใช้ให้ทองใบเป“นคนไปบอกมาลินีว่าผู้ใหญ่ลีนัดเจอเธอที่กระต๊อบตอนสามทุ่ม เสร็จแล้วก็ให้ทองใบไปบอกลีนวัตรด้วยว่า มาลินีนัดเจอเขาที่กองฟางตอนสามทุ่มเช่นกัน
แต่ตอนที่ทองใบจะไปบอก มาลินีนั้น เจอพินรับหน้า ทองใบจึงฝากพินบอกต่อมาลินี แต่พินซักถามด้วยความสงสัยเสียจนทองใบชักจะงง เกือบมีการผิดพลาดเรื่องสถานที่นัดหมาย ครั้นไปต่อที่บ้านผู้ใหญ่ลี ทองใบเจอป—๊ดและถูกป—๊ดถามซอกแซก อีกเหมือนกัน ทำเอามึนตึ้บกว่าจะทำภารกิจเสร็จสิ้น
พอมาลินีรู้จากพินก็นึกสงสัยทำไมลี นวัตรถึงนัดไปเจอที่กระต๊อบ มันทั้งมืดทั้งรก แต่พินก็ว่าผู้ใหญ่ลีอาจมีธุระสำคัญ พูดพลางก็ลอบยิ้ม แล้วคะยั้นคะยอให้มาลินีไปให้ได้ ขณะเดียวกันนั้นลีนวัตรก็เตรียมแต่งตัวหล่อตั้งแต่เย็น หลังรู้จากป—๊ดว่ามาลินีอยากเจอเขาที่กองฟางตอนสามทุ่ม
ทางด้านปทุมกับ ประดิษฐ์ก็เตรียมดื่มเหล้าย้อมใจตัวเองก่อนไปปฏิบัติภารกิจสำคัญ ซึ่งครั้งนี้ผู้ใหญ่โหมดหมายมั่น ปั้นมือเป“นอย่างมากว่าเขาต้องได้ผู้ใหญ่ลีเป“นลูกเขยอย่างแน่นอน ส่วนทองใบก็ยังคงมีหน้าที่อย่างต่อเนื่อง โดยผู้ใหญ่โหมดได้มอบหมายให้ทองใบตามปทุมไปที่กองฟางตอนสามทุ่ม แล้วกำชับให้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปปทุมเอาไว้ทุกซอกทุกมุม แต่มีข้อแม้ว่าตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม ทองใบต้องหลับตาถ่าย ห้ามแอบดูลูกสาวของตนอย่างเด็ดขาด
แต่พอถึงเวลาเกิดผิดพลาดอย่างมหันต์ เมื่อฝนดันเทลงมาอย่างหนัก มาลินีกับลีนวัตรที่ต่างก็ไปรอยังสถานที่นัดหมายเกิดวิ่งออกมาเจอเข้า แล้วพากันกลับไปหลบฝนที่บ้านมาลินี ขณะที่ปทุมซึ่งกรึ่มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็วิ่งหาที่หลบฝน ประดิษฐ์เองก็กรึ่มพอกัน กำลังเฝ้ารอมาลินีอยู่ในกระต๊อบที่ค่อนข้างมืดสลัว ทันทีที่ปทุมวิ่งหลบฝนเข้ามา ประดิษฐ์จึงรวบตัวปทุมมาปลุกปล้ำ เพราะเข้าใจว่าเป“นมาลินี ส่วนปทุมพยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ สุดท้ายเธอก็อ่อนระทวย เพราะบรรยากาศเป“นใจให้อารมณ์กระเจิดกระเจิง
ทอง ใบเองก็ถองเหล้ากรึ่มอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ทองใบก็ซื่อสัตย์กับงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด พองานลุล่วงลงแล้ว ทองใบก็รีบนำโทรศัพท์มือถือนั้นไปให้ ผู้ใหญ่โหมดที่คอยฟังข่าวอยู่ที่บ้านอย่างกระวนกระวาย ทองใบคุยอวดว่างานสำเร็จ รับรองไม่มีพลาด
"เออ ให้มันได้ยังงี้สิวะ แล้วภาพชัดแจ๋วไหมล่ะ"
"ฉันไม่รู้จ้ะ"
"ไม่รู้ได้ยังไงวะ"
"อ้าว ก็พ่อผู้ใหญ่สั่งเอาไว้ว่าตอนถ่ายให้หลับตาป•๋ไงจ๊ะ ฉันก็หลับตาป•๋ตามสั่งแหละ"
"เออ เอ็งนี่มันซื่อสัตย์ดี ยังงี้อยู่กับข้าไปได้อีกนาน"
"แล้วพ่อผู้ใหญ่จะไม่เป”ดดูผลงานฉันซะหน่อยเหรอจ๊ะ"
"ดู สิวะ ต้องดู" ผู้ใหญ่โหมดตั้งท่าจะเป”ดคลิปในมือถือ แต่พอทองใบยื่นหน้าเข้ามาจะดูด้วย เขาก็เปลี่ยนใจกะทันหัน "เฮ้ย ไม่ได้โว้ย นี่มันลูกสาวข้า แล้วอีกอย่างนี่มันก็ลับสุดยอดเลยนะโว้ย...เอ้า เอ็งเอาเงินนี่ไปซื้อของหวานกิน แล้ววันหลังเผื่อมีงานอีกค่อยเจอกัน"
ทอง ใบยกมือไหว้ผู้ใหญ่โหมดท่วมหัว ก่อนรับเงินสองร้อยมาด้วยความดีใจ "พ่อผู้ใหญ่นี่มีน้ำใจกับลูกนกลูกกาจริงๆ ขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปเถิด"
ผู้ใหญ่โหมดยิ้มพอใจกับคำสรรเสริญของทองใบ แล้ววาดฝันอย่างครึ้มอกครึ้มใจ หลังจากทองใบคล้อยหลังออกไปแล้ว
"ไอ้ ผู้ใหญ่ลี งานนี้ยังไงก็ต้องตายหยังเขียด พรุ่งนี้เอ็งต้องคลานเข้ามาเรียกข้าว่าคุณพ่อครับ พ่อโหมดครับ มีอะไรให้ลูกเขยคนนี้รับใช้ครับ...ฮ่าๆ"
แต่ผู้ใหญ่โหมดหารู้ไม่ว่า เวลานี้คนที่มีความสุขสุดๆ ก็คือลีนวัตรกับมาลินี ทั้งคู่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง เพราะพินเป“นใจเป”ดโอกาสตอนทั้งคู่เข้ามาหลบฝนในบ้าน พินแอบสับคัตเอาต์ทำให้ไฟดับมืดทั้งบ้าน มาลินีต้องหาเทียนมาจุด นั่นยิ่งสร้างบรรยากาศโรแมนติกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ลีนวัตรจึงถือโอกาสนี้สวมแหวนหมั้นให้มาลินีเป“นที่เรียบร้อย...
ปทุมกับ ประดิษฐ์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองเอาตอนเช้าของอีกวัน ทั้งคู่ต่างแข่งกันกรี๊ดแข่งกันโวยจนกระต๊อบแทบแตก ก่อนจะแยกย้ายกันไปด้วยความขยะแขยง และเจ็บใจที่แผนล้มเหลวไม่เป“นท่า
ผู้ใหญ่ โหมดไม่ได้เอะใจอะไรเลยเมื่อเห็นปทุม ร้องไห้กระซิกกลับมา แถมยังนึกว่าผู้ใหญ่ลีติดใจลูกสาวของตนจนไม่ยอมให้กลับตั้งแต่เมื่อคืน ครั้นปทุมพยายามจะบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ใหญ่โหมดก็เอาแต่พูดๆๆ ไม่เป”ดช่องให้ปทุมได้แทรกเลย
"เอ็งไม่ต้องกลัวไปหรอก ต่อให้มันปฏิเสธยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้นหรอกโว้ย เพราะหลักฐานมันมีอยู่เห็นๆ จะเอาออกมาแฉเมื่อไหร่ก็ได้ เอ็งทำดีแล้วล่ะทุมเอ๊ย อีกหน่อยได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ลี พ่อก็จะพลอยสบายไปด้วย เอ็งนี่รัฐบาลต้องมอบรางวัลลูกกตัญญูให้ทีเดียวล่ะ"
ปทุมแทบไม่ได้ฟังที่พ่อพูดพล่าม เอาแต่ร้องไห้กระซิก เสียใจและเจ็บใจที่สูญเสียพรหมจรรย์ให้ประดิษฐ์ไปแล้ว...

ooooooo

บทความที่เก่ากว่า

Blogger Template by Blogcrowds