ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ตอนที่ 7

ตกเย็น มาลินีกลับมาบ้านตั้งใจจะรีดชุดดำสำหรับใส่งานศพยาย แต่เดินหาเตารีดทั่วบ้านก็ไม่พบ จึงถือเสื้อผ้าชุดนั้นไปที่บ้านผู้ใหญ่ลี กะจะวานเฉลาหรือฉลวยช่วยรีดให้หน่อย แต่ดันเจอลีนวัตรนุ่งผ้าขาวม้าเตรียมจะอาบน้ำ มาลินีร้องกรี๊ดตกใจ แต่ลีนวัตรชอบใจยิ่งแกล้งใหญ่ ทำเป็นผ้าขาวม้าจะหลุดจากตัว แม่ปุยเลยต้องออกมาจัดการด้วยตัวเอง
หลังจากไล่ลีนวัตรหรือนายเหว่าไปได้ แล้ว แม่ปุยก็ต้องมานั่งตอบคำถามของมาลินีอย่างอึดอัดลำบากใจ เพราะมาลินีข้องใจว่าทำไมนายเหว่าถึงใส่ชุดอาบน้ำเดินไปเดินมาบนบ้านนี้ อีกอย่างป้าปุยก็มีลูกโตเป็นสาวแล้วด้วย นายเหว่าควรแต่งเนื้อแต่งตัวให้สุภาพกว่านี้หน่อย แม่ปุยอึกๆอักๆ บอกว่าพอดีเรียกมันมาช่วยซ่อมหลังคา คุณอย่าไปถือสามันเลย คนมันไม่มีการศึกษา
หลังกินอาหารค่ำตามคำชวนของปื๊ดแล้ว ตอนจะกลับแม่ปุยจึงให้เหว่าเดินไปส่งมาลินี ลีนวัตรหรือเหว่าดีใจแต่แกล้งทำสีหน้าตรงกันข้าม ทำให้มาลินีหมั่นไส้ออกเดินนำลิ่วไปท่ามกลางความมืด แต่แล้วมาลินีเจองูเหลือมตัวใหญ่ เธอร้องกรี๊ดลั่นทุ่ง วิ่งเข้าหานายเหว่าแล้วเกาะติดเขาไปตลอดทางจนถึงบ้าน
ลีนวัตรเห็นบ้าน ทั้งหลังเปิดไฟสว่างไสว ก็ประชดประชัน มาลินีว่า นี่มันงานกาชาดสวนอัมพรรึไง มาลินีสวนทันควันว่า ตนจะเปิดหรือปิดไฟยังไงมันก็เรื่องของตน เพราะมันบ้านตน
"บ้านคุณ คุณมีเงินจ่ายค่าไฟ แต่มันเปลืองพลังงานของโลกไม่รู้รึไง"
"นี่นายเหว่า"
"คุณไม่รู้หรอกว่าสมัยคุณนายวันยังอยู่แกอยู่อย่างประหยัดขนาดไหน จะใช้ห้องไหนก็เปิดไฟห้องนั้น ไม่ใช่เปิดดะ ไม่ลืมหูลืมตายังงี้"
ว่า แล้วลีนวัตรเดินไปปิดไฟดวงหนึ่ง มาลินีไม่พอใจตามไปเปิดใหม่อีก แล้วก็เกิดแข่งขันปิดเปิดอยู่อย่างนั้น ที่สุดมันเลยดับแล้วไม่ติดอีกเลย ลีนวัตรคาดว่าหลอดขาด จึงลุยเข้าไปในห้องนอน กวาดเครื่องสำอางที่ตั้งเรียงรายหน้าตู้ออกหมด แล้วค้นหาหลอดไฟในตู้ออกมาเปลี่ยน แต่ตอนแรกมาลินีไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร เธอโวยวายจะเอาเรื่องเขาให้ได้ สุดท้ายเลยต้องกลับคำ ขอบใจที่เขาทำให้เธอไม่ต้องนอนผวาอยู่ในความมืดทั้งคืน
หลังจากลีนวัตร หรือนายเหว่ากลับไปแล้ว มาลินีนั่งคุยโทรศัพท์กับสมรและวลัยที่เป็นห่วง กลัวมาลินียังจะคิดมากเรื่องประดิษฐ์ พอรู้ว่ามาลินีเข้มแข็งไม่ทำร้ายตัวเองเพื่อผู้ชายเลวๆ สองสาวก็โล่งอก ครั้นเพื่อนวางสาย ประดิษฐ์ก็โทร.เข้ามาทันที มาลินีกดสายทิ้งและปิดเครื่อง บอกกับตัวเองว่าชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย ขณะที่ประดิษฐ์หัวเสียหนัก บึ่งรถไปที่บ้านสมร ซึ่งวลัยกำลังจะกลับพอดี
ประดิษฐ์ กับวลัยเปิดศึกกันด้วยเรื่องมาลินี แต่แล้วประดิษฐ์ก็เป็นฝ่ายล่าถอย เพราะถูกวลัยทวงกุญแจรถคันหรูที่เขาใช้ เพราะความจริงมันเป็นรถของมาลินี...

รุ่งขึ้นเป็นวันเผาศพคุณนายวัน ลีนวัตรเป็นโต้โผเลี้ยงเพลพระที่ศาลาตั้งศพ มาลินีในฐานะหลานสาวความจริงต้องเป็นเจ้าภาพจัดการทุกอย่าง แต่เธอเงอะงะทำไม่ค่อยถูก เลยถูกลีนวัตรหรือนายเหว่าที่เธอเข้าใจเหน็บแนมเข้าอีก ขณะพระกำลังฉัน มีชาวบ้านมาร่วมงานบุญกันมากมาย ในจำนวนนี้มีผู้ใหญ่หลีแห่งบ้านคลองหมาเห่ามาด้วย แต่มาลินีดันฟังเพี้ยนเป็นผู้ใหญ่ลี เธอจึงยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม พอเมียผู้ใหญ่หลีโผล่เข้ามาอีกคน มาลินียิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ นึกว่าผู้ใหญ่ลีมีเมียสองคน จึงรู้สึกสงสารป้าปุย และไม่รู้ว่าแกเป็นเมียเล็กหรือเมียใหญ่ แล้วไหนจะปื๊ดอีกที่น่าสงสาร
จน กระทั่งตอนผู้ใหญ่หลีกับเมียจะลากลับ หลังจากเผาศพคุณนายวัน มาลินีตามแม่ปุยออกมาส่งสองผัวเมีย มาลินีถึงรู้ว่าตัวเองหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้ใหญ่หลีแกหูตึง อะไรที่มาลินีพูดมาแกจึงฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง พอลีนวัตรรู้เรื่องเข้า ก็นึกอยากจะหัวเราะให้ฟันหักกับความเปิ่นของมาลินี...


ooooooo


มาลินี หน้าแตกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนต้องหลบมานั่งร้องไห้กระซิกข้างศาลา ลีนวัตรยังตามมาถากถางให้เธอเจ็บใจเข้าไปอีก เธอเลยกล่าวโทษทั้งหมดเป็นเพราะผู้ใหญ่ลีทำกับเธอ ลีนวัตรสะดุ้งโหยง ถามว่าผู้ใหญ่ลีมาเกี่ยวอะไรด้วย
"ก็ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ใหญ่ลี ฉันจะหน้าแตกยับเยินอย่างนี้เหรอ"
"ไม่เข้าใจอยู่ดี พูดแจ่มๆกว่านี้ซิคุณ ผมมันเป็นคนหัวทึบ เข้าใจอะไรยากหน่อย"
"ใคร ต่อใครเขาเรียกกันผู้ใหญ่หลีๆ ฉันก็นึกว่าเป็นผู้ใหญ่ลี เข้าไปไหว้ซะดิบดีกว่าจะรู้ว่าไม่ใช่ ฉันหน้าแตกขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ใหญ่ลีแล้วจะเพราะใคร...ฮือๆ"
ลีนวัตรอึ้ง...แล้วปล่อยก๊ากใหญ่ หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
"นี่นายหัวเราะเยาะฉันอีกคนอย่างงั้นเหรอ"
"ผู้ใหญ่ ลีนี่แกเลวอย่างที่ให้อภัยไม่ได้จริงๆน่ะแหละ ดูดู๊ ทำเอาผู้หญิงสวยๆอย่างคุณทั้งหน้าแตก ทั้งเละเป็นโจ๊กขนาดนี้ ไหนดูหน่อยซิคุณ...โอ้โฮ ยับเยินขนาดนี้ หมอที่อนามัยคงไม่รับเย็บหรอก"
มาลินี โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงคว้ากระโถนแถวนั้นเขวี้ยงใส่เขาอุตลุด แล้วเดินกระฟัดกระเฟียดไปห้องปื๊ดว่าถูกนายเหว่าหัวเราะเยาะ ปื๊ดเดาว่าต้องเป็นนายเหว่าที่หน้าตาหล่อแหงๆ จึงบอกว่าไว้วันหลังจะเฉ่งให้เอง แล้วปื๊ดก็ชวนมาลินีไปรับแขกใกล้แม่ปุย เพราะอีกเดี๋ยวจะเป็นการเผาจริง
ผู้ใหญ่โหมดมาพร้อมกับปทุมลูกสาว แรกเห็นปื๊ดก็ชักสีหน้าไม่ชอบสองพ่อลูก แล้วกระซิบบอกมาลินีว่าปทุมชอบมาจีบพ่อของตน มาลินีแปลกใจ หาว่าปื๊ดพูดเป็นเล่น ปื๊ดยืนยันว่าจริง ผู้ใหญ่โหมดอยากได้พ่อของตนเป็นลูกเขยใจจะขาด มาลินียิ่งเหวอ ถามปื๊ดว่า แล้วแม่เธอไม่ว่าอะไรเหรอ
"แม่ก็ไม่เห็นว่ายังไง แล้วก็ไม่โกรธด้วย แม่เขาก็กำลังดูๆ แต่ถ้าให้เดาใจแม่ ผมว่าแม่ก็ชอบยัยทุมอยู่เหมือนกัน"
"แปลกจังเลย" มาลินีคราง
"จ้ะ ผมก็ว่าแปลก ยัยนี่ไม่เห็นสวยเลย สู้คุณก็ไม่ได้ คุณมาสวยกว่าเยอะ"
"ที่ฉันว่าแปลกน่ะ ธรรมเนียมคนบ้านเธอต่างหาก"
ปทุมเดินไปกระแซะลีนวัตรตรงหน้าศาลา และเม้าท์
คน โน้นคนนี้ที่มาเผาศพคุณนายวันไม่หยุดปาก จนลีนวัตรรู้สึกรำคาญ ต้องปรามให้หยุดเสียบ้าง ตนอยากอยู่เงียบๆ ไว้อาลัยให้คุณนายวัน ส่วนผู้ใหญ่โหมดก็เกาะติดแม่ปุย ซักถามถึงหลานสาวคุณนายวันทำงานอะไร แล้วเรื่องมรดกที่ดินที่นาจะขายไหม ถ้าขายตนก็สนใจจะซื้อ อยากให้แม่ปุยช่วยถามๆให้หน่อย จะมีค่านายหน้าให้ด้วย แม่ปุยฟังผู้ใหญ่โหมดอวดรวยแล้วเกิดหมั่นไส้ตงิดๆ จึงไม่ค่อยตอบอะไรแกมากนัก
มาลินีสังเกตเห็นผู้ใหญ่โหมดสนิทสนมกับแม่ปุย มากเหมือนกัน พอได้ยินปื๊ดจาระไนว่าผู้ใหญ่โหมดกำลังตามจีบแม่ของตนอยู่ มาลินียิ่งแตกตื่นตกใจ สงสัยว่าเกิดเรื่องแบบนี้แล้วพ่อของปื๊ดไม่ว่าอะไรเหรอ
"พ่อก็ไม่เห็นว่ายังไงนี่จ๊ะ พ่อคงแล้วแต่แม่มั้ง"
"แปลก จังเลยนะจ๊ะบ้านเธอเนี่ย" มาลินีบ่น แล้วหันไป เห็นปทุมยืนเบียดใกล้นายเหว่า มาลินีสะกิดบอกปื๊ดว่านายเหว่าเสน่ห์แรงเหมือนกัน ลูกสาวผู้ใหญ่โหมดคุมติดแจ
"ก็ยังงี้ล่ะจ้ะ อะไรก็พอทนได้ ยัยปทุมนี่เสียอย่างเดียว ผมว่าขี้เต่าแกคงเหม็นนะจ๊ะ แกถึงได้ฉีดน้ำหอมซะยังกะอาบมา"
"ก็ไหนว่าเขามาจีบพ่อเธอด้วย นายเหว่ามาตีสนิทขนาดนี้ พ่อเธอไม่โกรธเขาเหรอ"
"คงไม่หรอกมั้งจ๊ะ พ่อผมใจกว้าง แต่เป็นผมละไม่แน่ ขืนใครมาจีบคุณ...เป็นเรื่อง งานเข้าแหงๆ"
"อุ๊ยตาย ฉันได้รับเกียรติขนาดนั้นเชียวเหรอจ๊ะ"
ปื๊ด ยืดอกภาคภูมิใจ...หลังเสร็จงานศพคุณนายวัน ส่งแกขึ้นสวรรค์ไปแล้ว...กว่ามาลินีจะได้กลับเข้าบ้านก็เกือบค่ำ แต่ก่อนเข้านอน มาลินีโทร.ไปหาสมร ซึ่งวลัยก็ติดหนึบอยู่ด้วยอีกตามเคย เพื่อนรักทั้งสามจึงพูดคุยกันอย่างออกรส สมรกับวลัยดีใจที่มาลินีเสร็จภารกิจเรื่องศพยาย จะได้กลับกรุงเทพฯเสียที แต่มาลินีกลับบอกว่า เธอยังจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก วลัยเห็นดีด้วย อยู่ให้สบายใจไปก่อน ขืนกลับมาตอนนี้ก็ต้องมาเจอสงครามประสาทกับนายดิ๊ก
จาก นั้นมาลินีก็เล่าเรื่องพิลึกกึกกือของครอบครัวผู้ใหญ่ลีแห่งคลองหมาหอนให้ เพื่อนสาวฟัง หารู้ไม่ว่าความจริง เธอนั่นแหละที่เข้าใจผิดไปเอง...


หลัง จากเก็บกระดูกคุณนายวันและทำบุญเสร็จแล้วในเช้าวันต่อมา มาลินีก็เริ่มสนทนากับแม่ปุยด้วยเรื่องที่นาว่าเธอคงจะไม่ขาย จะลองสู้ดูซักตั้ง เพื่อสนองความต้องการของคุณยายที่สั่งเสียไว้ แม่ปุยดีใจที่มาลินีคิดเช่นนี้ แต่คนที่ดีใจกว่าคือปื๊ดกับลีนวัตร ปื๊ดร้องไชโย ขณะที่ลีนวัตรเก็บอาการมิดชิด แล้วไปปล่อยออกกับหุ่นไล่กากลางนา ทั้งเต้นทั้งตะโกนดีใจที่คุณมาเขาไม่กลับกรุงเทพฯแล้ว...
แต่พอเจอหน้า กันจังๆที่บ้านคุณนายวัน ลีนวัตรหรือนายเหว่าก็ทำปากดีพูดจาค่อนแคะมาลินีอีกตามเคย เยาะมาลินีว่าจะทำนาได้เหรอ เขาเลยเสียสละมาสมัครเป็นคนงาน
"สมัครงาน...งานอะไร" มาลินียังงง
"อ้าว ก็คุณทิ้งกรุงเทพฯมาเป็นชาวนา แล้วคุณจะทำนายังไงถ้าไม่มีคนงาน"
"ถ้าฉันต้องมีคนงานอย่างนาย ฉันว่าฉันต้องเป็นโรคประสาทตายแหงๆ ไม่ได้อยู่อย่างสงบหรอก"
"อ้าว นี่แสดงว่ายังไม่รู้ฝีมือกันเสียแล้ว ผมทำได้ หลายอย่างนะคุณ เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ถางหญ้า คุยกับควายก็รู้เรื่อง หุงข้าวก็ไม่แฉะ ร้องเพลงก็เพราะ...พอทราบอายุขวัญตา น้องเอยพี่มานั่งทำตาปริบๆ น้องอายุสามสิบ..."
"ไปให้ไกลๆเลยนายเหว่า" มาลินีตวาดแว้ด
"เงินเดือนผมก็คิดไม่แพงหรอกนะคุณ"
"ต่อให้ฟรี ฉันก็ไม่เอา"
"น่าสงสารคุณนายวัน เจ๊งแหงๆงานนี้"
มาลินีโกรธที่ถูกแช่ง ลีนวัตรต่อรองถ้าไม่อยากเจ๊งก็ต้องจ้างเขา มาลินียืนยันไม่เอา ไม่จ้าง แล้วไล่เขาไปพ้นๆ นาของเธอ เธอทำเองได้
"ระวังเหอะ ถ้าวิ่งแจ้นมาขอความช่วยเหลือเมื่อไหร่ เหว่าจะเล่นตัวซะให้..."
"ฝันไปเหอะ"
ลี นวัตรอมยิ้มขำ ร้องเพลงสามสิบยังแจ๋วยั่วเธออีก มาลินีโกรธหันไปคว้าจอบมาเงื้อง่า ลีนวัตรเลยวิ่งกระเจิงออกไป พอกลับไปถึงบ้านตัวเอง ลีนวัตรนั่งยิ้มอารมณ์ดี แม่ปุยเข้ามาเมียงมอง ก่อนดักคออย่างรู้ใจ
"หน้าบานเชียวนะ พอรู้ว่าคุณมาเขาไม่กลับกรุงเทพฯแล้ว"
"แม่ ก็...คิดมาก เขาจะอยู่เขาจะไป เราก็ไม่ได้มีเอี่ยวอะไรอยู่แล้ว แค่ดีใจนิดหน่อยที่ความหวัง ความฝันของคุณนายวันแกมีคนมาสานต่อเท่านั้นแหละ"
"แต่ยังไงก็ต้องคอยช่วยๆแกดู เป็นหูเป็นตาให้แกหน่อย"
"เขาอาจจะไม่ต้องพึ่งเราเลยก็ได้นี่แม่"
"ใครมันจะทำอะไรเป็นมาตั้งแต่เกิด ยังไงมันก็ต้องฝึกต้องฝนกันทั้งนั้น"
"เอาเหอะน่าแม่ ไม่ต้องห่วง หนูจัดการเอง"
"แล้วนี่จะบอกคุณมาเขาอีท่าไหนว่าไอ้ตัวกวนประสาทเขานี่แหละ ผู้ใหญ่ลีตัวจริง"
"ถึงเวลาเขาได้รู้ เขาก็รู้เองแหละแม่"
"เออ...ระวังเหอะ ไปปิดไปบังเขา เขาโกรธขึ้นมาจะมองหน้ากันไม่ติด"
ลี นวัตรชะงัก หน้าเจื่อนจืดไปเหมือนกัน...ส่วนมาลินี เธอเริ่มปฏิบัติภารกิจใหม่อย่างเก้ๆกังๆ จะเข้าไปเก็บไข่ไก่ แต่กลัวจะถูกแม่ไก่กัด ปื๊ดบอกว่าเขาไม่เรียกกัด เขาเรียกจิกต่างหาก ว่าแล้วก็สอนวิธีการที่ถูกต้องไม่ถูกแม่ไก่จิกให้มาลินีดูเป็นตัวอย่าง มาลินีเข้าใจ แต่ยังไม่มั่นใจ บอกปื๊ดว่าไว้วันหลังค่อยลงมือเอง วันนี้ให้ปื๊ดจัดการไปก่อน พอได้ไข่มาหลายสิบฟอง ปื๊ดให้มาลินีเก็บเอาไว้แค่ห้าหกฟอง ที่เหลือจะเอาไปขาย มาลินีแปลกใจว่าขายได้ด้วยเหรอ แล้วต้องเอาไปขายที่ไหน ปื๊ดบอกทันทีว่า ปื๊ดจัดการเองครับ เรื่องแค่นี้ชิลๆ


ooooooo


ตก บ่าย ลีนวัตรจัดการปักเสาไม้ไผ่กั้นเขตที่นาของตนกับคุณนายวัน มาลินีเดินมาเจอ ไม่ทันถามอะไร เธอก็กระแนะกระแหนนายเหว่าว่า วันๆไม่เห็นทำอะไร ถ้าไม่คอยปั่นป่วนกวนประสาทเธอ ก็ไร้สาระอย่างนี้
"ไร้ สาระอะไรคุณ นี่งานผู้ใหญ่ลีสั่งมานะจะบอกให้ นี่มันหลักเขตที่นาของคุณ ฝั่งนี้ของผู้ใหญ่ลีแก ปักๆกันให้ เห็นกันไปเลย เพราะผู้ใหญ่ลีแกกลัวเหมือนกันว่าใครจะมาตุกติกโกงที่แก"
มาลินีโกรธ รู้ดีว่าถูกเขาแขวะ จึงย้อนว่าเธอต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายกลัว ไม่ใช่ผู้ใหญ่ลีมากลัวเธอ
"ก็แกรู้ไงว่าคนกรุงเทพฯน่ะไว้ใจไม่ค่อยได้ อะไรโกงได้ก็โกง ขนาดไอ้ที่ผิดกฎหมาย ก็ยังทำให้มันถูกได้เลย"

"น้อยหน่อย คนกรุงเทพฯที่เขาดีๆ มีมโนสำนึกก็มีย่ะ"
"สาธุ...แล้วนี่คุณมาเดินทำตัวไร้สาระอะไรแถวนี้ล่ะ งานการไม่มีทำรึไง"
"นี่นายเหว่า ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนายนะ"
"ก็รู้ แต่ริจะเป็นชาวบ้านน่ะนะคุณ ขืนเอ้อระเหยเดินบิดตูดไปมาอย่างคุณเนี่ยนะ มีแต่เจ๊งกับเจ๊งเท่านั้นแหละ"
"ก็ ฉันไม่รู้ว่าฉันต้องทำอะไรบ้างนี่" มาลินีเสียงอ่อย ลีนวัตรได้ที บอกให้ถาม ถามได้เลยไม่คิดตังค์ "ก็บอกมาสิ อย่ามาทำอมภูมิ" เธอย้อนหน้าง้ำ
ลี นวัตรแอบยิ้ม ก่อนบอกให้เธอไปถอนหญ้าที่รกเต็มนา ไปหมดแล้ว มาลินีกลับถามว่า ไหนหญ้า...ลีนวัตรจึงถอนต้นกกขึ้นมาจากนา ชูให้เธอดู "เนี่ยเขาเรียกกกนา ขืนปล่อยมันโตก็แย่งปุ๋ยหมด ยิ่งเป็นดอกก็ยิ่งกระจาย ถอนกันไม่หวาดไม่ไหวเชียวล่ะ" ว่าแล้วลีนวัตรถอนกอหญ้าขึ้นมาอีก มาลินีก้มลงทำตาม แต่ดันดึงข้าวทั้งกอขึ้นมาอวด
"นี่...ฉันถอนได้ต้นใหญ่กว่านายอีก"
ลีนวัตรเงยหน้าขึ้นมาเห็นแล้วอยากเป็นลม "นั่นมันต้นหญ้าที่ไหนเล่า"
"อ้าว...ไม่ใช่หญ้าแล้วอะไรล่ะ"
"นั่นมันต้นข้าว ตาถั่วรึไงคุณ ดูไม่ออกไหนหญ้าไหนข้าว"
"ก็ฉันไม่รู้นี่" มาลินีหน้าเสีย
"จะ รอดไหมเนี่ย ริจะเป็นชาวนาแต่ต้นข้าวยังไม่รู้จักเลย ตัวใครตัวมันล่ะท่านผู้ชม" ลีนวัตรเดินหัวเราะออกไป มาลินีเจ็บกระดองใจ ยัดข้าวกอนั้นลงนาตามเดิม โกรธตัวเองมากกว่าโดนสบประมาท...
มาลินีกลับมา บ้าน ทิ้งตัวลงนั่งอย่างสุดเซ็ง สักครู่ปื๊ดวิ่งเข้ามาพร้อมเงินสามสิบบาทค่าขายไข่ไก่ มาลินีรับเงินนั้นมาด้วยความดีใจ บอกปื๊ดว่านี่เป็นเงินก้อนแรกของการเป็นชาวนาของตนเลย ตนภูมิใจจังเลย ปื๊ดเองก็ยิ้มแป้นดีใจ อยากให้มาลินีภูมิใจอย่างนี้บ่อยๆ
ที่แท้ ปื๊ดเอาไข่ไก่ไปบังคับขายให้แม่ปุยนั่นเอง พอ กลับมาเล่าให้แม่ปุยและทุกคนฟังว่ามาลินีภูมิใจน้ำตาแทบไหล ทุกคนพลอยยินดี ยกเว้นลีนวัตรที่ไม่ค่อยเชื่อ
"อยู่กรุงเทพฯทำตัวสวยไปสวยมา เขาก็หาเงินได้เป็นพัน เป็นหมื่น อยู่นี่ขายไข่ได้สามสิบบาท ภูมิใจจริงๆเหรอวะไอ้ปื๊ด"
"ผู้ใหญ่นี่ก็ชอบไปค่อนขอดแก ถึงมันจะแค่สามสิบบาท แกคงจะภูมิใจจริงๆนั่นแหละ เราต้องช่วยๆกัน แกจะได้มีกำลังใจ"
"หนู ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่แม่ แต่เขาก็ต้องรู้ว่าทำไร่ไถนามันไม่ใช่เรื่องหมูๆ ถ้าจะเอาจริงเอาจังมันก็ต้องรู้ให้แท้ ไม่ใช่ดีแต่ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว"
"ก็ค่อยๆสอนกันไป ไม่งั้นแกหมดกำลังใจ ถอดใจกลับกรุงเทพฯขึ้นมาจะมานั่งคอตกอีก"
"ใครคอตกจ๊ะแม่" ฉลวยสงสัย
"ก็จะใครซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่คนแถวนี้"
ลี นวัตรเขินแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่ปื๊ดเขินกว่า ต่อว่าแม่ชอบแซวหนูอยู่เรื่อย พูดพลางปื๊ดก็ทำท่าภูมิใจนำเสนอว่าเขินสุดๆ จนลีนวัตรอยากจะเขกหัวสักโป๊ก
ooooooo
"แกจะไปเป็นชาวนา...แม่เจ้า ...นี่ฉันหูฝาดไปเองใช่ไหมยัยมา" วลัยตกใจเสียงดังไม่เกรงใจใครในร้านอาหาร หลังได้ยินมาลินีโทร.มารายงานตัว
"ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะยังไม่กลับกรุงเทพฯ จะลองอยู่ที่นี่ซักพัก ที่นี่ก็มีอะไรให้ทำทั้งวี่ทั้งวัน ฉันว่าฉันคงไม่เหงาหรอก นี่...วันนี้ฉันขายไข่ไก่ได้ตั้งสามสิบบาทแน่ะ"
"ยัยมา แกจะประชดนายดิ๊กวิธีไหนก็ทำไปเถอะ จะควงผู้ชายอื่นไม่ซ้ำหน้าก็ได้ แต่ฉันว่าวิธีนี้ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรหรอกนะ"
"นั่น สิ...ยัยมา" สมรยื่นหน้าแทรกเข้ามา "เป็นชาวนาน่ะมันไม่ได้สนุกหรอกนะ ฉันเห็นในข่าวมีแต่ม็อบอะไรต่ออะไรเต็มไปหมด แกกลับกรุงเทพฯเถอะ ถ้าแกเบื่อๆ ก็บินไปเที่ยวกับฉันที่เมืองนอกซักพักก็ได้ อย่าประชดชีวิตตัวเองอย่างนี้เลย ฉันใจหายนะเนี่ย"
"ยัยหมอน ฉันไม่ได้จะประชดใครทั้งนั้นเลย ฉันตัดสินใจด้วยตัวเอง ฉันรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ฉันก็อยากลองดู ลองสู้ซักตั้งนึง ไหวไม่ไหวค่อยว่ากันอีกทีนึง ฉันแค่อยากลองทำในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะทำได้ซักครั้งนึงในชีวิต เท่านี้ก่อนนะ แล้วว่างๆฉันจะโทร.หาพวกแกใหม่...คิดถึงนะ"
มาลินีวางสาย ทันที สมรเรียกไม่ทัน หน้าตายังงงไม่หาย วลัยเองก็เช่นกัน แล้วเออออกันว่า มาลินีคงเฮิร์ตเรื่องนายดิ๊กจนเพี้ยนไปแล้ว ช่างน่าสงสาร คงไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรลงไป...ด้านมาลินี พอวางสายจากเพื่อนปุ๊บ ก็โทร.หาผู้ใหญ่ลีปั๊บ ลีนวัตรกำลังดึงข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ละมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นดูเบอร์ก่อนกดรับ
"โหล...ผู้ใหญ่ลีพูดสาย นั่นใครน่ะ"
"หนูเองค่ะ คุณลุงผู้ใหญ่ลี มาลินีค่ะ นี่หนูโทร.มา รบกวนคุณลุงรึเปล่าคะ"
"เปล่าๆ งานบำบัดทุกข์บำรุงสุขเป็นหน้าที่ยี่สิบสี่ชั่วโมงของผู้ใหญ่บ้านอยู่แล้วละ หนู หนูมีทุกข์ร้อนไม่สบายใจ ป่วยไข้ ถ่ายไม่ออกอะไรก็บอกได้"
"หนูสบายดีค่ะ หนูแค่โทร.มาเรียนคุณลุงผู้ใหญ่ว่าหนูตัดสินใจจะอยู่ที่คลองหมาหอนนี่แล้วล่ะค่ะ"
"แม่ ปุยเขาบอกลุงแล้วละ ดีแล้วๆ คุณนายวันแกคงจะดีใจที่หนูมาสานต่องานของแก ยังไงลุงก็ขอให้หนูประสบความสำเร็จนะ แล้วผัวที่กรุงเทพฯไม่ว่าอะไรเรอะ"
มาลินีถึงสะดุ้ง รีบบอก "หนูยังไม่มีสามีค่ะคุณลุง"
"อ้าว...เหรอ สวยๆอย่างหนูนี่ยังไม่มีผัวหรอกเหรอ"
"ยังค่ะ แต่คุยเรื่องอื่นดีกว่ามังคะคุณลุงผู้ใหญ่"
"อยากคุยเรื่องอะไรล่ะ"
"เรื่องทำนาก็ได้นี่คะ หนูอยากรู้ อยากได้คำแนะนำอยู่เหมือนกัน ว่าช่วงนี้หนูต้องทำอะไรบ้าง เพราะหนูไม่มีความรู้เลย"
"หนูถามไอ้เหว่ามันดีกว่า ไอ้เหว่ามันบอกหนูได้
หมดแหละ"
"เหรอคะ หนูบอกตามตรงว่าหนูไม่ค่อยชอบขี้หน้านายคนนี้ซักเท่าไร หนูว่าเขาเองก็ไม่ชอบหนูเหมือนกัน"
"ทนๆมันหน่อยเถอะหนู เดี๋ยวหนูก็จะชอบมันเอง... เอ๊ย...เดี๋ยวหนูก็ชินไปเอง"
"หนูคงต้องทำใจนานหน่อย แล้วตอนนี้คุณลุงอยู่ที่ไหนนะคะ อยู่บ้านรึเปล่า"
"ก็อยู่บ้านลุงนี่แหละ"
"งั้นเดี๋ยวหนูไปหาคุณลุง ไปกราบคุณลุงเดี๋ยวนี้เลยนะคะ"
"มาสิมา...เฮ้ย ไม่ได้ ลุงง่วงนอนแล้ว กำลังจะเข้านอนพอดี"
"เหรอคะ ว้า...เสียดายจัง หนูเลยไม่ได้เจอคุณลุงซะที ในงานศพหนูก็มองหาแต่คุณลุง"
"ลุง ก็อยู่แถวนั้นแหละ หนูมองหาแต่หนูไม่เห็นลุงน่ะสิ ไม่เป็นไรๆ เอาไว้ค่อยเจอกันนะ บ้านใกล้เรือนเคียงยังไงก็ได้เจอกันแน่ๆ" ลีนวัตรแกล้งหาวเสียงดัง มาลินีเลยเกรงใจ กล่าวสวัสดีแล้ววางสายทันที
ข้าง ฝ่ายประดิษฐ์กระวนกระวายเหลือหลาย หลังจากมาลินีหายต๋อม คราวนี้ท่าทางเธอเอาจริงเสียด้วย แล้วค่ำนี้เอง ประดิษฐ์แอบสะกดรอยตามวลัย เพราะปักใจว่าวลัยกับสมรต้องรู้แน่ว่ามาลินีอยู่ที่ไหน หรือไม่ก็สองคนนี้แหละที่เอามาลินีไปซ่อน แต่วลัยเกิดรู้ตัว ถือเครื่องช็อตไฟฟ้าจะเล่นงานประดิษฐ์
เมื่อตีหน้าเศร้าเล่นละครหลอกถาม วลัยไม่ได้ผล ประดิษฐ์เบนเข็มไปที่สมรซึ่งใจอ่อนกว่าวลัย เพียงเห็นน้ำตาลูกผู้ชายเข้าหน่อย สมรก็ใจอ่อนยวบ บอกเขาว่ามาลินีไปสุพรรณฯ แต่อย่าถามอะไรมากกว่านี้เลย เธอรู้แค่นี้จริงๆ
ooooooo
วันนี้มาลินีตื่นแต่เช้า แต่งหน้าแต่งตัว แถมฉีดน้ำหอมทั่วตัวก่อนจะออกไปทำงานกลางทุ่งนา ลีนวัตรขี่หลังควายผ่านมาทางนี้อย่างตั้งใจ
"โอ้โฮ นึกว่าใคร ขยันแต่เช้า" ลีนวัตรร้องทัก
"นี่...ไม่พูดซะบ้างก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกนะ
นายเหว่า"
"หญ้านะไม่ใช่ขนจั๊กแร้ ถอนยังกะกลัวมันเจ็บ แล้วชาตินี้มันจะเสร็จไหมล่ะ ตั้งสองร้อยกว่าไร่น่ะคุ้ณ"
"เสร็จไม่เสร็จมันก็เรื่องของฉัน ไปให้ไกลๆเลยไป"
ลี นวัตรกระทุ้งควายเดินต่อ มาลินีผวา บอกให้เอามันไปไกลๆ ฉันไม่ชอบ ลีนวัตรยิ่งแกล้งพาควายเดินเฉียด มาลินีจำใจหลบชิดคันนา แต่ควายดันทำเสียงฟืดฟาดน่ากลัว ลีนวัตรเดาทันทีว่า สงสัยมันจะเกลียดกลิ่นน้ำหอม ว่าแล้วก็ดึงเสื้อคลุมแขนยาวของมาลินีโยนทิ้ง มาลินีร้องกรี๊ด แล้วยิ่งกรี๊ดลั่นทุ่ง เมื่อเขาควักโคลนจากท้องนาละเลงทาลงบนแขนของเธอ
"กลิ่นน้ำหอมมันยังติดตัว ไม่เชื่อถามเฉาก๊วยมันดู"
มาลินีเต้นเหย็ง ด่าเขาชุดใหญ่ แต่ไม่ทันขาดคำ ลีนวัตร ก็ป้ายโคลนลงบนหน้าเธอ มาลินีอึ้งกิมกี่เหมือนต้องคุณไสย
"ค่อย ดูดีขึ้นมาหน่อย เหมือนชาวนาขึ้นมานิด" ลีนวัตรหัวเราะหึๆ ไม่ทันระวังตัว มาลินีควักโคลนเต็มมือปาใส่หน้าเขาเต็มๆ "เป็นไงล่ะ" มาลินีเยาะอย่างสะใจ ลีนวัตรกลับป้ายโคลนออกจากหน้าเอามาชิมหน้าตาเฉย "หวานดี ดินเขาดีจริงๆนะเนี่ย ไม่เชื่อคุณชิมดูสิ"
มาลินียิ่งโกรธ ควักโคลนขึ้นมาปาใส่เขาไม่ยั้ง ลีนวัตรกลัวซะที่ไหน ออกท่ายียวนกวนประสาท ก่อนโดดขึ้นหลังควายจากไป ทิ้งมาลินียืนเต้นแร้งเต้นกา ตะโกนไล่หลังว่าจะฟ้อง ผู้ใหญ่ลีให้ไล่นายออก ลีนวัตรไม่ได้สะทกสะท้าน กลับแหกปากร้องเพลงลั่นทุ่ง
"พอศอสองพันห้าร้อยสี่ ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ชาวบ้านต่างมาชุมนุม มาประชุมที่บ้านผู้ใหญ่ลี"
มาลินีแค้นสุดแค้น ตะเกียกตะกายจะขึ้นจากท้องนา แล้วลื่นล้มตะแคง ข้อเท้าพลิกจนร้องโอ๊ยอย่างเจ็บปวด ต้องเรียกนายเหว่ากลับมาช่วย...
ooooooo
ตอนที่ 8
ลี นวัตรเดินจูงควายที่มีมาลินีนั่งอยู่บนหลังมันไปตามคันนา สองมือมาลินียึดหลังควายแน่นเพราะกลัวตก ปากก็โวยวายให้นายเหว่าเอาตนลงจากหลังควายเดี๋ยวนี้
"หุบปากได้แล้ว ให้นั่งสบายๆไม่ชอบ อยากเดินขาเป๋ กลับไปเองรึไง"
"ฉันไม่เดินให้โง่หรอก"
"หรือจะขี่หลังผม"
"ขี่หลังนายฉันยอมตายซะดีกว่า"
"งั้น ก็หุบปากไปเลย ลืมบอกไปอีกอย่าง นอกจากกลิ่นน้ำหอมฉุนๆแล้ว เฉาก๊วยมันเกลียดผู้หญิงเสียงแหลมๆ ดังๆด้วย เกิดมันขัดใจวิ่งเตลิดขึ้นมา คุณเอ๊ย...อย่าให้เซดเลย นึกภาพไม่ออก"
"ถ้าฉันเป็นอะไรขึ้นมาเพราะควายตัวนี้ นายต้องรับผิดชอบด้วย"
"ยังอีก เตือนแล้วก็ไม่ฟัง ใจเย็นโว้ย เฉาก๊วย ใจเย็นๆ" ลีนวัตรแกล้งดึงเชือกสนตะพายให้เฉาก๊วยส่ายไปมา มาลินีตกใจรีบหุบปากเงียบ...
พอ ถึงบ้าน ลีนวัตรสั่งให้เธอถอดเสื้อผ้าออก มาลินีตกใจนึกว่าเขาจะทำมิดีมิร้าย แต่กลายเป็นว่าเขาจัดการซักเสื้อผ้าให้เธอเอง ทำเป็นกลัวว่าเธอจะไปฟ้องผู้ใหญ่ลีว่าเขาทำเธอเปื้อนไปทั้งตัวแล้วไม่รับผิด ชอบ
"กลัวเป็นเหมือนกันเหรอ"
"เกิดผู้ใหญ่ลีแกไล่ผมออกขึ้นมา คุณจะรับเลี้ยงผมไหมล่ะ"
"มีลูกจ้างอย่างนาย ฉันว่าฉันต้องกินยาระงับประสาทวันละสามเวลา"
"ทำนามันไม่ใช่เรื่องหมูๆนะคุณ พนันกันไหมล่ะไม่เกินเดือนคุณต้องขายนาให้ผู้ใหญ่ลี"
"นายจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว เห็นฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวรึไง"
"ผู้หญิง เก่งๆน่ะมีถมไปผมไม่เถียง แต่ผู้หญิงที่ยังต้องดัดขนตา ทาปาก ฉีดน้ำหอมก่อนออกไปทำนาอย่างคุณ... ไม่รอดหรอก...เสร็จมะก้องด้อง"
ลีนวัตรไม่พูดเปล่า หัวเราะเยาะเธออีกด้วย มาลินีลั่นวาจาอย่างสุดแค้น
"แล้วนายจะได้เห็น คอยดูก็แล้วกัน"
หลัง จากลีนวัตรกลับไปแล้ว มาลินีจุดเตาหุงข้าวและเจียวไข่ แต่ทั้งสองอย่างแทบกินไม่ได้ ข้าวแฉะเกือบเป็นข้าวต้ม แถมไข่ก็ไหม้ดำปี๋ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ให้กำลังใจตัวเองว่า สิบเท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง...ว่าแล้วก็จำใจกระเดือกอาหารฝีมือตัวเอง จู่ๆ ลีนวัตรกลับเข้ามาอีกพร้อมใบพลับพลึง พอเขาเห็นหน้าตาข้าวกับไข่เจียวของเธอก็หัวเราะก๊าก เดินถือใบพลับพลึงเข้าไปในครัว
"หุงข้าวก็แฉะ ทอดไข่ยังไหม้เล้ย ชาตินี้จะหาผัวได้ไหมเนี่ย"
"น้อยๆหน่อยนายเหว่า ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายตั้งแต่
เมื่อไหร่" มาลินีแว้ด
"หูดีอีกต่างหาก นี่ขนาดกระซิบแล้วนะเนี่ย"
"กระซิบของนายได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน นายนี่เป็นคนไม่มีมารยาทเอาเสียจริงๆ"
ครู่เดียวลีนวัตรก็ถือใบพลับพลึงกลับออกมา...ต่อปาก ต่อคำกับเธออีก
"คนเขาพูดตรงๆก็หาว่าไม่มีมารยาท คุณนี่ชอบ
คนประเภทปากอย่างใจอย่างรึไง แหมคุณนี่หุงข้าวเก๊งเก่ง ข้าวขึ้นหม้อสวยจัง ทอดไข่ก็เหลืองน่ากิ๊นน่ากิน"
"ไป ไกลๆเลย นายจะทำอะไรของนาย" มาลินีขยับหนีเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ ลีนวัตรไม่พูดพล่ามจู่โจมจับขามาลินีดึงเหยียดออกมา มาลินีร้องลั่น...ช่วยด้วย สองมือทุบตีเขาพัลวัน แล้วกรี๊ดขึ้นสุดเสียง ทันทีที่ใบพลับพลึงร้อนๆนาบลงที่ข้อเท้า...
ตกเย็น มาลินีรู้สึกค่อยยังชั่ว อาการเจ็บปวดข้อเท้าทุเลาลง ขณะเธอนั่งตัดเล็บล้างเล็บที่ทั้งหักทั้งดำออกอย่างแสนเสียดาย ปื๊ดวิ่งหน้าเริ่ดขึ้นเรือนมาพร้อมปิ่นโตใส่อาหารที่แม่ปุยให้เอามาให้ มาลินี
"คุณมาครับ แม่ให้เอาแกงมาให้คุณมาครับ"
"เหรอจ๊ะ แหม ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี ฝากขอบคุณแม่ปื๊ดด้วยนะจ๊ะ"
"พ่อบอกว่าถ้าคุณเบื่อไข่เจียวแล้วก็ลองไข่ต้มดูบ้างก็ได้นี่ครับ"
"นี่นายเหว่าต้องเอาเรื่องฉันไปเล่าให้พ่อเธอฟังแหงๆเลยใช่ไหม"
"คุณมาอย่าไปถือสานายเหว่าเลยนะครับ ผมว่าเขาออกจะหวังดี"
"หวัง ดีเหรอ เขาทำให้เล็บฉันหักจนต้องตัดทิ้งอย่างนี้ แถมขาฉันยังเจ็บอีกด้วย อย่างนี้เรียกว่าหวังดีเหรอจ๊ะปื๊ด ฉันเกลียดขี้หน้าเขายังกะอะไรดี คนอะไรน่าเกลียดน่าชัง"
"วันก่อนคุณมายังบอกว่านายเหว่าหล่ออยู่เลย"
"คนเราน่ะนะปื๊ด ต่อให้หน้าตาสวยหล่อยังไงแต่ถ้าจิตใจแย่ละก็ ความหล่อความสวยมันก็ไม่มีความหมายหรอก... เสียของเปล่าๆ"
"นายเหว่าได้ยินคงจะเสียใจน่าดู"
"ช่าง ปะไร แต่ก็นั่นแหละปื๊ด ฉันจะทำให้คนอย่างนายเหว่าได้เห็นว่า ถึงฉันจะเป็นผู้หญิง ฉันก็ทำอะไรๆได้ ไม่แพ้พวกที่ดีแต่ใช้แรงงานอย่างเขาหรอก ฉันจะต้องลบ
คำสบประมาทคนอย่างนายเหว่าให้ได้...คอยดูก็แล้วกัน"
ครั้นปื๊ดกลับมาถ่ายทอดคำพูดของมาลินีให้แม่ปุยกับลีนวัตรฟัง ลีนวัตรกลับหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก จึงถูกแม่ปุยว่าให้
"ทำให้คนเขารักดีๆ ไม่ชอบ ชอบทำให้เขาเกลียดขี้หน้า ผู้ใหญ่นี่ก็แปลกคน"
"หนูก็แค่อยากให้เขารู้เท่านั้นแหละแม่ว่างานไร่งานนาน่ะ ถ้ามาทำตัวหน่อมแน้มเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ก็อย่ามาอยู่ให้เกะกะลูกตาดีกว่า"
"พ่อไม่ได้จะจีบคุณมาใช่ไหม"
"เฮ้ย...เอ็งอย่าได้เที่ยวพูดไปนะโว้ยไอ้ปื๊ด"
"หนูไม่ได้พูดหรอก ถ้าพ่อไม่ได้จีบคุณมาจริงๆ"
"ใครจะไปกล้าวะ"
"พ่อ คิดได้ยังงั้นก็ดีแล้วล่ะ เพราะถึงพ่อจะจีบก็จีบไม่ติดหรอก อีกอย่างหนูก็ทำคะแนนทิ้งพ่อไม่เห็นฝุ่นไปเยอะแล้วด้วย" ปื๊ดวางฟอร์มเหนือกว่า เดินเหล่พ่อออกไป
"ไอ้ลูกคนนี้..." ลีนวัตรหมั่นไส้ แม่ปุยเลยสรุปรวบยอดอย่างขำๆว่า "พอกันเลยทั้งพ่อทั้งลูก ซักวันคงเกิดศึกสายเลือดกันบ้างล่ะ"
ooooooo
ประดิษฐ์ ไม่ยอมเสียมาลินีไปอย่างเด็ดขาด เขากลับมาอ้อนวอนสมรอีกครั้ง สมรใจอ่อนอีกตามเคย ใช้โทรศัพท์ตัวเองโทร.หามาลินีแล้วให้ประดิษฐ์มาคุยตามที่เขาต้องการ แต่มาลินีได้ยินเสียงประดิษฐ์ก็ไม่พอใจ
"นี่สมรู้ร่วมคิดกันใช้วิธีนี้ แล้วคิดว่ามาจะหายโกรธคุณเหรอคะ"
"ถ้า ดิ๊กไม่ใช้วิธีนี้ แล้วมาจะยอมคุยกับดิ๊กเหรอครับ สมรเขายังเข้าใจแล้วก็เห็นใจดิ๊กเลย มาครับยกโทษให้ดิ๊กแล้วกลับมากรุงเทพฯเถอะครับ ดิ๊กสัญญาว่าดิ๊กจะเป็นดิ๊กคนใหม่ ดิ๊กพบแล้วว่าชีวิตดิ๊กถ้าไม่มีมา ดิ๊กก็อยู่ไม่ได้หรอกครับ"
"ถ้าจะให้ดีช่วยเอารถไปจอดไว้ที่คอนโดฯด้วย กุญแจรถก็ฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ก็ได้ เท่านี้นะคะ"
"มาครับ...มาหมดรักดิ๊กแล้วจริงๆเหรอครับ"
"คุณไปหาคนใหม่ของคุณเถอะ เพราะมาก็เจอผู้ชายใหม่ ของมาแล้วเหมือนกัน เท่านี้นะคะ แล้วไม่ต้องโทร.มาอีก"
ประดิษฐ์หน้าละห้อย ส่งโทรศัพท์คืนให้สมร "ผมคงไม่มีหวังแล้วล่ะ มาเขาบอกว่าเขาเจอผู้ชายคนใหม่แล้ว"
สมรอึ้งช็อก แทบไม่เชื่อหูตัวเอง...
ooooooo
เช้า นี้มาลินีแต่งตัวทะมัดทะแมงเตรียมตัวออกไปทำงาน หน้าตาก็ไม่แต่งแต้มเหมือนก่อน เธอเดินออกมาหน้าบ้าน คว้าเสื้อแขนยาวกันแดดแล้วหยิบหมวกมาสวม มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใคร ก่อนพูด ให้กำลังใจตัวเองราวกับนักกีฬาก็ไม่ปาน "สู้โว้ย!"
ขณะมาลินีสวมถุงมือถอนหญ้าอยู่ขอบคันนาอย่างเอาเป็นเอาตาย ลีนวัตรเดินเฉียดมาทำปากยื่นปากยาวอีกตามเคย
"โอ้โฮ ...กินยาบ้าเข้าไปรึไงเนี่ย ถึงได้คึกแต่เช้ายังงี้" มาลินีหันมามองค้อนขวับเดียวแล้วตัดใจไม่ตอบโต้ "กลัวแต่ว่าจะคึกยังงี้ได้วันเดียวน่ะสิ" เธอยังเฉยไม่สนใจ จนเขาประหลาดใจ "เป็นอะไรไปคุณไม่พูดไม่จา ปวดหัว ปวดท้อง ปวดฟัน หรือว่า..."
"ฉันไม่ เสวนากับคนอย่างนายให้เสียเวลาเสียอารมณ์ หรอก มันไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไรเลย นายจะพูดจาป่วนยังไงก็เชิญ ฉันไม่สนใจหรอกนะนายเหว่า ถอยไปคนจะทำงาน"
"ขาคุณหายดีแล้วเหรอ"
"หายแล้ว"
"โอ้โฮ ยังงี้แหละเขาเรียกมะนาวไม่มีน้ำ คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ จะขอบใจกันซักคำให้ชื่นใจไม่มีละ"
"ขอบใจ พอใจรึยัง จะไปไหนก็ไป ฉันจะทำงาน"
"ถาง หญ้าใครเขาทำกันยังงั้นล่ะคู้ณ...นี่ จะทำให้ดู" ลีนวัตรใช้จอบที่ถือติดมือถางหญ้าให้ดูเป็นตัวอย่าง "มัวมาถอนทีละต้น เมื่อไรมันจะเสร็จ"
"ก็ฉันจะทำของฉันยังงี้ มีอะไรไหม"
"ก็ตามใจ ไอ้เราอุตส่าห์หวังดีอยากให้เสร็จไวๆ งานไร่งานนาน่ะมันไม่ได้มีแค่ถางหญ้าหรอกนะคุณ" ลีนวัตรส่งจอบให้ มาลินีทำเฉยไม่ใส่ใจ แต่พอเขาคล้อยหลัง เธอก็จับจอบทดลองทำอย่างเขาบ้าง แต่เก้ๆกังๆเพราะความหนักของจอบ...ลีนวัตรแอบหันกลับมาดู อมยิ้มอย่างขำๆ


0 Comments:

Post a Comment



บทความใหม่กว่า บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก

Blogger Template by Blogcrowds